4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

สวรส.หนุนงานวิจัย อุดช่องโหว่ การจัดการยาของประเทศ

           ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายเร่งด่วนเรื่องการจัดการปัญหาการคอรัปชั่นภายใน กสธ. และได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล และเกณฑ์จริยธรรมการจัดซื้อจัดหายาและวัสดุต่างๆ ขึ้นมาดูแลเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างยา เวชภัณฑ์ เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา วัสดุทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ โดยมี น.พ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการ สธ.เป็นประธาน และมีคณะกรรมการเป็นผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลทุกระดับ รวมถึงมอบหมายให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นหน่วยงานสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการเพื่อการแก้ปัญหาดังกล่าว และเตรียมความพร้อมกับการตรวจสอบทั้งจากองค์กรภายในและภายนอก เพื่อความโปร่งใสนั้น  

          ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ได้เปิดเผยในเรื่องดังกล่าวนี้ว่า กลไกระบบยาของประเทศนับเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบสุขภาพที่มีการใช้งบประมาณในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลงานวิจัยเรื่องกลยุทธ์การกำหนดและควบคุมราคา : ก่อนขาย (หลังขึ้นทะเบียนยา) เมื่อคัดเลือกเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติและโดยผู้จ่ายค่ายารายใหญ่ ของ รศ.ดร.ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ พบว่า มูลค่ายาเพื่อการบริโภคตามราคาใน pricelist สูงถึง 138,482,077,858.00 บาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 35 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ เป็นผลมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาเกินความจำเป็นโดยเฉพาะยาที่มีราคาสูง ปัญหาความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อยาของโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ หรือแม้แต่การรั่วไหลของยาบางประเภทออกนอกระบบ จนทำให้เป็นช่องโหว่ของระบบสุขภาพที่ส่งผลให้เกิดการใช้งบประมาณจำนวนมาก

          "สวรส.จึงได้ระดมนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องธรรมาภิบาลและการอภิบาลระบบต่างๆ มาช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล และสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายในการเสริมสร้างการอภิบาลระบบยาของประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อยา ระหว่างนี้ สวรส.ได้เร่งดำเนินงานวิจัยเรื่องการสังเคราะห์ข้อเสนอเพื่อเสริมสร้างการอภิบาลระบบยา ซึ่งจะเป็นงานวิชาการที่สำคัญในการสะท้อนช่องว่างปัญหาเพื่อนำไปสู่การพัฒนาการจัดการระบบยาของประเทศต่อไป โดยทำการศึกษาในมิติต่างๆ อาทิ เรื่องระเบียบ มาตรฐานขั้นตอนการทำงานที่ส่งผลต่อโครงสร้างการบริหารยาทั้งระบบ การศึกษาองค์กรที่มีบทบาทในการกำกับดูแลระบบการบริหารจัดการยาและการกำหนดนโยบายระบบยาของประเทศ กลไกการตรวจสอบความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระบบยา ศึกษากระบวนการบริหารจัดการยาจากกรณีศึกษาต่างประเทศ เป็นต้น"

          ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวด้วยว่า คณะวิจัย นำโดย รศ.ดร.วุฒิสาร ตันไชย จากสถาบันพระปกเกล้า และ ศ.ดร.สกนธ์ วรัญญูวัฒนา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำหลักธรรมาภิบาล (Governance) มาใช้ในการศึกษา ตลอดจนการสังเคราะห์ข้อมูลที่เน้นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคม เข้ามาร่วมพิจารณาและสร้างแนวทางการบริหารจัดการอย่างสร้างสรรค์และเห็นพ้องต้องกัน ตลอดจนการเปิดโอกาสสำหรับทางเลือกในการบริหารงานที่กว้างขวางขึ้นไปกว่าการเน้นเฉพาะบทบาทของหน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียว โดยผลงานวิจัยชิ้นนี้จะทำให้เราเห็นข้อมูลระบบการบริหารจัดการยาทั้งวงจรในปัจจุบัน ที่สามารถนำมาวิเคราะห์และจัดลำดับความเสี่ยงในระบบการบริหารจัดการยา รวมทั้งเป็นฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบายที่สะท้อนกับความเป็นจริงในระดับปฏิบัติได้ ซึ่งงานวิจัยจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดเผยผลการวิจัยได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หน้า 6

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้