สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

ติวเข้มนักวิจัยเขตสุขภาพ รุ่น 1 ระยะ 2

          หลังจากที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดอบรมหลักสูตรเพื่อพัฒนานักวิจัยในเขตสุขภาพ รุ่นที่ 1 ระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 23-27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเป้าหมายของโครงการนี้เพื่ออบรมให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพให้กับนักวิจัยในเขตสุขภาพ จาก 80 คนที่มาอบรมในระยะที่ 1 คัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พิจารณาจากโครงร่างงานวิจัยที่นำเสนอ เหลือ 20 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพการทำวิจัยเชิงระบบและนโยบายที่เข้มข้นมากขึ้น และจนสามารถนำเสนอโครงการวิจัยเพื่อรับทุนสนับสนุนจาก สวรส.ทุนละไม่เกิน 120,000 บาท

          สำหรับการอบรมนักวิจัยในเขตสุขภาพ รุ่นที่ 1 ระยะที่ 2 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3-7 ก.พ. 2557 ณ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม อาคาร อปร ชั้น 19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในระยะที่ 2 นี้ สวรส. และ จุฬาฯ ได้ระดมวิทยากรที่มากความสามารถเช่นเคย อาทิ ศ.ดร.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล ศ.ดร.นพ.ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล รศ.ดร.นพ.วิฑูรย์ โล่สุนทร รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ ฯลฯ เพื่ออบรมและให้ความรู้แบบเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย การจัดทำงบประมาณงานวิจัย การประเมินโครงการสุขภาพ การวิเคราะห์ข้อมูล การทบทวนวรรณกรรม การกำกับติดตามผลโครงการวิจัย ฯลฯ พร้อมที่ปรึกษาประกบนักวิจัยทั้ง 20 คน

          ด้าน ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สวรส. หนึ่งในวิทยากรที่ให้การอบรม ได้ให้ความรู้และร่วมแลกเปลี่ยนในหัวข้อการจัดทำงบประมาณการวิจัย ไว้ว่า หน่วยงานให้ทุนวิจัยส่วนใหญ่มักพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณการวิจัย โดยคำนึงถึงวิธีการดำเนินงานของโครงการวิจัยที่นักวิจัยต้องกำหนดวัตถุประสงค์และระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน สามารถเชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานวิจัยให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนั้นๆ รวมถึงขอบเขตงานวิจัยควรระบุรายละเอียดว่าครอบคลุมถึงเรื่องอะไรบ้าง และสอดคล้อกับระยะเวลาในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดโครงการ โดยจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการที่ระบุกิจกรรมและเวลาที่ดำเนินงาน พร้อมระบุงบประมาณที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจน ส่วนการเขียนรายงานวิจัยควรสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์ในกระบวนการดำเนินงานวิจัยที่มีความลึกซึ้งของการค้นคว้า และให้ความรู้ใหม่ๆหรือความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

          ทั้งนี้การอบรมในระยะที่ 2 วิทยากรและผู้เข้าร่วมรับการอบรมทุกท่าน มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างทั่วถึงและลงรายละเอียดเพื่อการพัฒนาโครงการวิจัยทุกชิ้นได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนเป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมอบรมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลจากการทำงานในพื้นที่ของแต่ละคน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่สามารถต่อยอดซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี