4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

สธ.ชี้ 3 เดือนหนาวตาย 63 ศพอุตุฯ คาดเย็นยะเยือกถึง ก.พ.

           สธ.เผยในรอบ 3 เดือนฤดูหนาวปีนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 63 รายใน 27 จังหวัด แนะ งดดื่มสุรา เหตุฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความร้อนออกจากร่างกายเร็ว พิษณุโลกหนาวสุดรอบ 20 ปี ภูหินร่องกล้า ติดลบ 3 องศา เกิด แม่คะนิ้งขาวโพน อุตุฯชี้หนาวยาวถึง ก.พ.

          นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า หลายจังหวัดต่างเจอกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายวัน ที่น่าเป็นห่วง คือมีรายงานการเสียชีวิตของประชาชนที่คาดว่า มีสาเหตุจากอากาศหนาวเย็นเกิดขึ้นในหลายพื้นที่
          สธ.จึงสั่งให้สำนักระบาดวิทยาวิทยา เฝ้าระวังการเจ็บป่วยรวมทั้งการเสียชีวิตจากภัยหนาวทุกจังหวัด และให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ออกเยี่ยมบ้าน ดูแลประชาชน กลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยหนาว 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดอักเสบเรื้อรัง โรคหอบหืด  เป็นต้น

          ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศหนาวของประเทศไทย ของสำนักระบาดวิทยา ระหว่างวันที่ 22 ต.ค.2556-19 ม.ค.2557 ซึ่งกรมป้องกันสาธารณภัย ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาว 45 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 25 ล้านคน  โดยได้รับแจ้งผู้เสียชีวิตที่คาดว่าอาจเกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว 63 ราย จาก 27 จังหวัด เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว 49 ราย ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 14 ราย ผลวินิจฉัย พบเพียง 2 ราย อาศัยอยู่ใน จ.เลย และ จ.อุบลราชธานี เสียชีวิตจากอากาศหนาว โดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น ส่วนอีก 47 ราย เสียชีวิตมาจากการมีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อนมาก่อนร่วมด้วย

          ทั้งนี้จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ จ.เชียงใหม่ 6 ราย จ.สระแก้ว จ.นครราชสีมา จังหวัดละ 5 ราย จ.เลย จ.แพร่ จังหวัดละ 4 ราย โดยมีปัจจัยเสี่ยงเสริมที่เกี่ยวข้อง 3 ปัจจัย คือ ดื่มสุรา สวมเครื่องนุ่งห่มไม่เพียงพอ และโรคประจำตัว ที่พบมาก คือ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลมชัก
          "ร่างกายที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 37 องศาเซลเซียส จะทำให้เส้นเลือดจะหดตัว เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ไม่ดี หัวใจทำงานหนักและเต้นผิดปกติ และเกิดปัญหาไตวาย และเสียชีวิตขณะนอนหลับ ซึ่งการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำ ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศหนาวและสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายตลอดเวลา ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความร้อนออกจากร่างกายเร็ว" นพ.โสภณ  กล่าว

          "เลย"หนาวยะเยือกลบ 4 องศาฯ
          ทั้งนี้จากสถิติอุณหภูมิต่ำสุดในรอบ 50 ปี ของประเทศไทย โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ปรากฏว่า เคยมีอุณหภูมิติดลบ 1.4 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.สกลนคร และ อุณหภูมิติดลบ 1.3 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.เลย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2517 หลังจากนั้นก็ยังไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นอีกเลย
          ล่าสุดเช้าวันที่ 23 ม.ค. ประชาชนพื้นที่ทั้ง 14 อำเภอ ใน จ.เลย ต้องเจอกับสภาพอากาศหนาวเย็นอีกครั้ง ที่ อ.ภูเรือ อุณหภูมิต่ำสุดบนพื้นราบ 3-6 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิบนยอดหญ้าที่สนามฟุตบอลโรงเรียนบ้านหินสอ ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ ติดลบ 4 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งทั้งสนาม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นรอบที่ 7 ในช่วงฤดูหนาวปีนี้
          ขณะที่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุณหภูมิติดลบ 1.5 องศาเซลเซียส อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส
          ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชัยภูมิ ได้ประกาศให้พื้นที่ทั้ง 16 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวฉุกเฉิน หลังอุณหภูมิลดต่ำลงติดต่อกัน 2 วัน โดยอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส บนยอดภู อุณหภูมิต่ำสุด 3-4 องศาเซลเซียส

          "พิษณุโลก"หนาวสุดรอบ 20 ปี
          ส่วนที่ จ.พิษณุโลก ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าอุณหภูมิลดลง 4-6 องศา ส่งผลให้ที่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่ 10 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย มีอุณหภูมิอยู่ที่ 5 องศาเซลเซียล ขณะที่อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ 3 องศาเซลเซียล จนเกิดแม่คะนิ้ง ตั้งแต่บริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร ยาวไปจนถึงหมู่บ้านร่องกล้า รวมระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร และกินบริเวณกว้างทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องก่อกองไฟไว้ภายในบ้านเพื่อบรรเทาความหนาว
          นายมนัส สีเสือ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์แม่คะนิ้ง ที่บ้านใหม่ร่องกล้า วันนี้(23 ม.ค.) ถือว่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากเกิดขึ้นนานและเป็นบริเวณกว้างทั้งหมู่บ้าน และมีความหนาจับเป็นกลุ่มก้อน สวยที่สุดที่เคยเกิดแม่คะนิ้งภายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

          แห่สัมผัสหนาวดอยอินทนนท์
          ด้านจ.เชียงใหม่ น.ส.จารุวรรณ ยิ้มหิ้น นักประชาสัมพันธ์สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เปิดเผยว่า อุณหภูมิบนยอดหญ้าภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ติดลบ 3 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจองบ้านพักล่วงหน้าเต็มไปจนถึงเดือนก.พ.
          นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กล่าวว่า อุณหภูมิบนยอดดอยอินทนนท์ ติดลบ 1 องศาเซลเซียส บริเวณจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ติดลบ 2 องศาเซลเซียส ส่วนที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส และเกิดน้ำค้างแข็งเป็นบริเวณกว้าง มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นมากกว่า 2,000 คนต่อวัน

          อุตุฯชี้หนาวจัดลากยาวถึง ก.พ.
          นายสงกรานต์ อักษร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสถานการณ์อากาศหนาวเย็นในปีนี้ว่า ยังไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด แม้ว่าอุณหภูมิความหนาวเย็น ที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลมาจากความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากจีน จะแผ่ลงมาเป็นระลอกๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.2556 ต่อเนื่องถึงปัจจุบันก็ตาม ซึ่งการที่อากาศหนาวนาน และเย็นต่อเนื่องเป็นพราะอิทธิพลจากไซบีเรียก็มีอากาศหนาวเย็นจัด
          อย่างไรก็ตาม อากาศที่หนาวเย็นขณะนี้ยังไม่ทุบสถิติอุณหภูมิหนาวจัดที่เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้คาดว่าฤดูหนาวของไทยในปีนี้จะลากยาวถึงกลางเดือนก.พ.นี้ และถือเป็นฤดูหนาวที่เต็มฤดูในรอบในช่วงกว่า 20 ปี โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือมรวมทั้งภาคเหนือ และ กทม.จะมีโอกาสเจออากาศเย็นที่จะแผ่ลงมาอีกระลอกในช่วงวันที่ 24-27 ม.ค.นี้
          นายสงกรานต์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะถึงฤดูหนาวปีนี้ ประเทศไทยเจออุณหภูมิสูงมาโดยตลอด และสถิติอากาศเย็นที่เคยเกิดสมัยช่วงคนอายุ 40-50 ปีก็มีอากาศเย็นที่อุณหภูมิต่ำลง 6-7 องศามาแบ้วบนพื้นราบต่หลังจากนั้นก็มีอุณภูมิสูงขึ้นมาโดยตลอด ทั้งนี้แม้จะมีบางแห่งที่วัดอุณหภูมิเหนือยอดหญ้าจะติดลบ 4 องศาเซลเซียสจนเกิดน้ำค้างแข็งในหลายพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดปรากฎการณ์นี้มาก่อนก็ตาม
          "การวัดค่าอุณหภูมิที่ติดลบจนเกิดน้ำค้างแข็ง เป็นการถ้าวัดในทางการเกษตร จากยอดหญ้าด้วยเทอร์โมมิเตอร์ใกล้พื้นดิน ซึ่ง มีโอกาสติดลบได้ เพราะเกิดจากคายความร้อนตอนเช้าช่วงตี 4-5 และเมืองไทยเกิดมาหลายครั้งโดยเฉพาะตามยอดดอย"

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557  หน้า 16

AttachmentSize
24ม.ค.57_กรุงเทพธุรกิจ_อุตุคาดเย็นยะเยือกถึง ก.พ..pdf1.09 MB
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้