4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

นักวิจัยเสนอการ์ดคุมกำเนิดแก้ปัญหาวัยรุ่นท้องไม่พร้อม

        พญ.ภัทรวลัย ตลึงจิตร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอโครงร่างงานวิจัยการศึกษามาตรการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ภายในแถลงข่าว "ผลการศึกษาโครงการอนาคตไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กอายุ 6-25 ปี" ซึ่งจัดโดยโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือ ไฮแทป (HITAP) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาสุขภาพที่นักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอันดับให้เป็นปัญหาที่มีความสำคัญอันดับ 1 ของวัยรุ่น เนื่องจากอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้น การป้องกันที่ดีคือจะต้องให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน และต้องเพิ่มการเข้าถึงบริการการคุมกำเนิดอย่างปลอดภัย

        พญ.ภัทรวลัยกล่าวว่า การให้ความรู้ควรจัดเป็นแพคเกจตามช่วงอายุ โดยในกลุ่มวัยรุ่นตอนต้น คือ อายุ 10-13 ปี เน้นเรื่องการอย่ามีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร โดยจะต้องสอนให้มีทักษะในการใช้ชีวิต และรู้จักการปฏิเสธ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ซึ่งมีข้อมูลว่าเด็กวัยนี้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ล้วนเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จึงต้องเน้นการให้ความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย รู้จักป้องกันตัวเองและมีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง ส่วนการเพิ่มการเข้าถึงบริการคุมกำเนิดแบบปลอดภัย เสนอให้มีการทำการ์ด (Card) สำหรับวัยรุ่น ซึ่งประยุกต์มาจากประเทศอังกฤษ ที่มีการทำ U-Card สำหรับวัยรุ่นหญิงในการขอรับบริการยาคุมฉุกเฉินฟรี และ C-Card สำหรับวัยรุ่นชายอายุน้อยกว่า 24 ปี ในการขอรับบริการถุงยางอนามัยฟรี ซึ่งเห็นผลชัดเจนว่าช่วยลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้ แต่ไทยจะทำเป็นการ์ดใบเดียว ซึ่งสามารถนำการ์ดนี้ไปขอรับบริการคุมกำเนิดได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา เป็นต้น โดยจะต้องสแกนบาร์โค้ดบนการ์ด เพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังฐานข้อมูล ซึ่งจะทำให้ทราบว่าในแต่ละเดือนมีเด็กขอใช้บริการกี่ราย เป็นต้น

       "หากประเทศไทยเดินหน้าเรื่องนี้ ทีมวิจัยจะเข้าไปดำเนินการอบรมให้แก่นักเรียนก่อนมาขอรับการ์ดตามความสมัครใจ โดยต้องกรอกแบบสอบถามเพื่อดูว่ามีความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่ และให้กรอกที่อยู่ที่สะดวกในการจัดส่ง เพราะเด็กบางรายอาจไม่ต้องการให้ที่บ้านรับรู้ หรือบางรายสามารถลงทะเบียนขอรับการ์ดผ่านอินเตอร์เน็ตได้ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี งบประมาณอยู่ที่ 5 ล้านบาท จึงอยากให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาสนับสนุน" พญ.ภัทรวลัยกล่าว


ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2556 หน้า 10

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้