ข่าว/ความเคลื่อนไหว
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลีและรัฐบาลไทย โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อขยายการค้าการลงทุน ระหว่างไทย-ชิลีมากขึ้น รวมทั้งจะได้ขยายฐานการค้าต่อไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา
ทั้งนี้ สมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ต่างสลับขึ้นอภิปรายสนับสนุนและคัดค้านอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดที่ประชุมมีมติ 464 ต่อ 6 เสียงและ งดออกเสียง 12 เสียง ให้ความเห็นชอบ
จากนั้นเป็นวาระการพิจารณาร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป โดยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.จำนวนมาก ได้อภิปรายพร้อมตั้งข้อสังเกตและแสดงความห่วงใยว่าสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปจะพยายามหาทางต่ออายุสิทธิบัตรยาออกไปเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลให้คนไทยต้องบริโภคยาแพงเกินไป
นายณัฐวุฒิชี้แจงว่า รัฐบาลและทีมเจรจาของไทยให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขในฐานะแม่งานและกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้เจรจา ได้ทำงานร่วมกันมาตลอดและได้รับฟังข้อห่วงใยของภาคประชาชนเต็มที่เพื่อไม่ให้ไทยเสียประโยชน์ ซึ่งการเจรจาการค้าเสรีกับอียูคิดว่าต้องมีการเจรจาร่วมกันอีก 7-8 ครั้งรวมแล้วต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี กระทั่งที่สุดที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมาก 446 ต่อ 2 เสียงเห็นชอบกับร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 4 ต.ค. 2556 หน้า 14
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้