4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

สวรส. จับมือ WHO-สสส. เปิดเวทีประชุมวิชาการ ‘สุขภาพประชากรข้ามชาติ’ ขับเคลื่อนระบบสุขภาพที่ครอบคลุม-เป็นธรรม พร้อมรองรับสถานการณ์วิกฤต

          ประชากรข้ามชาตินับเป็นผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางต่อความเสี่ยงด้านสุขภาพ และต้องเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสุขภาพพื้นฐาน ทั้งในเรื่องภาษาและวัฒนธรรม ความรอบรู้ด้านสุขภาพ การถูกเลือกปฏิบัติ และข้อจำกัดในการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทั้งนี้ข้อมูลปี 2567[1]จากกรมกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UNDESA) มีตัวเลขผู้ย้ายถิ่นระหว่างประเทศ (international migrants) อยู่ที่ 304 ล้านคน คิดเป็น 3.7% ของประชากรโลกทั้งหมด[2] โดย 75.9 ล้านคน เป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก เช่น ความขัดแย้งทางความมั่นคงด้านการเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ดังนั้นประชากรข้ามชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ย้ายถิ่นไม่ปกติ ต้องเผชิญกับความเปราะบางที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการถูกเอารัดเอาเปรียบ และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและสังคมที่จำเป็น

          สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงร่วมกับองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย (WHO) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายภาคประชาสังคม จัดการประชุมวิชาการ เนื่องในวันประชากรข้ามชาติสากล ประจำปี พ.ศ. 2568 (Migrant Health Conference on International Migrants Day, 2025) ภายใต้แนวคิด “Safe Migration in Country in Crisis: Upholding Rights and Building Resilience ย้ายถิ่นปลอดภัย ฝ่าภัยวิกฤต ภายใต้สิทธิพื้นฐาน” เพื่อสร้างความตระหนักถึงความเปราะบางและสิทธิของประชากรข้ามชาติ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมมือกันพัฒนาแนวทางเชิงนโยบายที่จะส่งผลให้เกิดการดูแลสุขภาพของประชากรข้ามชาติอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2568 ณ ห้อง Siam Hall โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กทม.

          นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า การประชุมวิชาการสุขภาพประชากรข้ามชาติฯ นับเป็นเวทีสำคัญทางด้านวิชาการที่จัดขึ้นทุกปี โดย สวรส. ตั้งใจสร้างโอกาสให้ทุกภาคส่วนมาร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ ตลอดจนติดตามสถานการณ์สุขภาพของประชากรข้ามชาติอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ข้อมูลเชิงนโยบาย จนถึงมิติภาคสนาม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลและข้อเสนอที่สะท้อนในการประชุมฯ แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ องค์กรเอกชนด้านการพัฒนาสังคม นักวิจัย/นักวิชาการ และภาคประชาสังคม จะนำไปสู่การปรับปรุงนโยบาย การพัฒนาโครงสร้างบริการ และการสร้างกลไกความร่วมมือที่ยั่งยืน รวมถึงร่วมกันหาแนวทางเสริมสร้างระบบสุขภาพที่ครอบคลุม เป็นธรรม และมีความยืดหยุ่นรองรับสถานการณ์วิกฤต โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

          นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีประชากรข้ามชาติประมาณ 4.65 ล้านคน และขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 3.65 ล้านคน และอีก 1 ล้านคน เป็นผู้ติดตามและลูกหลานแรงงานข้ามชาติ กลุ่มนี้ทำงานในภาคอุตสาหกรรม ก่อสร้าง เกษตร และบริการ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย แต่ยังเผชิญอุปสรรคทางภาษาและการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ จากการสำรวจประชากรข้ามชาติ จำนวน 2,615 คน ในปี 2568 โดยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย พบประชากรข้ามชาติไม่มีหลักประกันสุขภาพ 45.5% และมีอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เนื่องจากกำแพงภาษา 32.9% จึงมีการสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ผ่านงานวิชาการ พื้นที่ต้นแบบ และการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย พร้อมเดินหน้าสื่อสารเพื่อลดอคติด้วยเสียงของคนข้ามชาติ และสื่อหลายภาษา หลังงานวิจัยชี้ว่า กลุ่มประชากรข้ามชาติเผชิญอคติเชิงนโยบายสูงสุด และถูกมองเป็นเพียงผู้ใช้แรงงานมากกว่ามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 

          “สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ตั้งคณะทำงานสุขภาพผู้โยกย้ายถิ่นฐาน (MHWG) มากกว่า 20 องค์กร และยังร่วมขับเคลื่อนแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก หรือแผนงาน CCS Migrant เพื่อเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนนโยบายและสื่อสารเพื่อให้ประชากรข้ามชาติเข้าถึงสิทธิและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ” นางภรณี กล่าว

          นางสาวนุสรา สัตย์เพริศพราย ผู้จัดการงานวิจัย แผนงานสุขภาพประชากรข้ามชาติ (CCS: Migrant Health) สวรส. กล่าวว่า การประชุมวิชาการสุขภาพประชากรข้ามชาติในทุกปี จะมีทั้งการนำเสนอผลการวิจัยที่สำคัญๆ เพื่อเป็นประเด็นในการแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ ตลอดจนเวทีเสวนาที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสที่สามารถนำไปพัฒนาเชิงระบบเพื่อดูแลสุขภาพประชาชกรข้ามชาติ อาทิ ประเด็น ‘ประกันสุขภาพในยุควิกฤต: คุ้มครองแรงงานข้ามชาติ=คุ้มครองระบบสุขภาพไทยไม่ให้ล่มสลาย’ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ด้านสุขภาพของประชากรข้ามชาติที่ส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ หากแรงงานข้ามชาติยังเข้าไม่ถึงหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ย่อมเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบบริการสุขภาพของประเทศโดยรวม ทั้งในแง่ภาระค่าใช้จ่าย การควบคุมโรค และความต่อเนื่องของบริการสาธารณสุข นำไปสู่ความจำเป็นที่จะต้องยกระดับระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติให้มีความครอบคลุม ยืดหยุ่น และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถรับมือกับวิกฤตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการคุ้มครองสุขภาพแรงงานข้ามชาติไม่ใช่เพียงประเด็นด้านมนุษยธรรม แต่เป็นกลไกสำคัญในการปกป้องเสถียรภาพของระบบสุขภาพไทยในระยะยาว และประเด็น ‘Bridging the Gap: อสต. ฟันเฟืองสำคัญระหว่างแรงงานข้ามชาติและระบบสุขภาพไทย’ โดยในเวทีจะชี้ให้เห็นบทบาทสำคัญของอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ในฐานะกลไกเชื่อมโยงระหว่างชุมชนของแรงงานข้ามชาติและระบบบริการสุขภาพ โดยทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลด้านสุขภาพ เฝ้าระวังโรค ส่งต่อผู้ป่วย และสร้างความเข้าใจด้านสิทธิการรักษาในบริบททางภาษาและวัฒนธรรมที่ระบบสาธารณสุขยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลและการบริการ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพที่มีความยืดหยุ่น เท่าเทียม และพร้อมรับมือกับวิกฤตในระดับชุมชนและประเทศ

          “ทุกประเด็นด้านสุขภาพต้องขับเคลื่อนด้วยฐานความรู้ การประชุมวิชาการสุขภาพประชากรข้ามชาติฯ จึงเป็นอีกเวทีสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะมาร่วมกันออกแบบข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนการจัดการสุขภาพประชากรข้ามชาติในประเทศไทยให้สามารถตอบสนองต่อบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นพ. ศุภกิจ กล่าวปิดท้าย
..........................

ข้อมูลจาก
[1]United Nations. (2024). Migration. United Nations. https://www.un.org/en/global-issues/migration
[2]United Nations Department of Economic and Social Affairs. (2024). International migrant stock 2024. https://www.un.org/development/desa/pd/

 

รูปภาพเพิ่มเติม

แสดงความคิดเห็น

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้