ชั้น 4 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ถ.ติวานนท์ 14 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ขนาดตัวอักษร
-
+
ความตัดกันของสี
C
C
C
icon-lang-thภาษาไทย
ค้นหา
เมนู

17 องค์กรผนึกกำลัง พร้อมจัดประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ชูธง “SAFE Financing” เร่งหาคำตอบการเงินการคลังเพื่อความยั่งยืนระบบสุขภาพไทย

17 องค์กรผนึกกำลัง พร้อมจัด “ประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ชูธง “SAFE Financing” เร่งหาคำตอบการเงินการคลังเพื่อความยั่งยืนระบบสุขภาพไทย ร่วมสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้กำหนดนโยบาย 

          17 องค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดงาน “ประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี พ.ศ. 2568” ระหว่างวันที่ 11 - 13 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (รางน้ำ) เพื่อระดมความคิดและกำหนดทิศทางการเงินการคลังด้านสุขภาพ (health financing) ของประเทศไทย ภายใต้แนวคิดหลัก “SAFE Financing” ซึ่งเป็นวาระสำคัญในการกำหนดทิศทางด้านการเงินการคลังในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้มีความมั่นคง การเงินการคลังเพื่อระบบสุขภาพไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาระโรคที่ซับซ้อนขึ้น ต้นทุนการรักษาที่สูงขึ้น และความคาดหวังของประชาชนที่มากขึ้น 

          ทั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงในเครือข่ายที่ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานกรรมการจัดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จึงร่วมแถลงถึงความสำคัญของวาระนี้ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางการเงินของระบบสุขภาพ

          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงความสำคัญของงานครั้งนี้ว่า กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการที่จำเป็น แต่ขณะนี้ระบบกำลังเผชิญความท้าทายมากขึ้น ทั้งจากสังคมสูงวัย โรคเรื้อรัง เทคโนโลยีการแพทย์ รวมถึงเสียงสะท้อนจากหน่วยบริการจำนวนมากเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าหากต้องการให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ายั่งยืน ต้องดูแลทั้งประชาชนให้ได้รับบริการที่ดี และทำให้หน่วยบริการสามารถยืนหยัดทำงานต่อไปได้ในระยะยาวควบคู่กัน

          “การประชุมวิชาการฯ ปีนี้ ภายใต้ประเด็น SAFE Financing: การเงินการคลังเพื่อระบบสุขภาพไทยในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง จะเป็นเวทีสำคัญให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหาแนวทางทำให้ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพของไทยมั่นคง เพียงพอ เป็นธรรม และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
 
          ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการวิชาการประชุมวิชาการฯ ประจำปีนี้ กล่าวถึงความสำคัญของฐานข้อมูลวิชาการในการรับมือกับแรงกดดันมหาศาลต่อระบบสุขภาพว่า ความท้าทายเหล่านี้ทำให้การบริหารจัดการการนำเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ รวมทั้งช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของแต่ละกองทุนในระบบหลักประกันสุขภาพ ยังเป็นโจทย์สำคัญของประเทศที่รอการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นด้านการเงินการคลัง การให้บริการสุขภาพ และรูปแบบการจัดการ ล้วนจำเป็นต้องมีข้อมูลงานวิจัยหรืองานวิชาการที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นเครื่องมือให้กับผู้กำหนดนโยบายใช้ประโยชน์ในการวางแผนและตัดสินใจ งานวิจัยจึงเป็นฐานคิดสำคัญที่จะทำให้หลักการ S-A-F-E (Sustainability-Adequacy-Fairness-Efficiency) สามารถสร้างระบบบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้การวางแผนระบบการเงินการคลังสุขภาพอย่างมีความคุ้มค่า ตลอดจนเกิดความเป็นธรรมในการรับภาระทางการเงินที่ลดความเหลื่อมล้ำ และนำไปสู่ความยั่งยืนของระบบสุขภาพ ควบคู่กับการนำมาซึ่งผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีของประชาชน

          “ภายใต้วาระสำคัญนี้ ความร่วมมือของ 17 องค์กรภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพจึงเกิดขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้กำหนดนโยบาย โดยมุ่งเน้นที่แนวคิด SAFE Financing เพื่อให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ายังคงเป็นหลักประกันที่มั่นคงและเท่าเทียมสำหรับประชาชนไทยทุกคน” ผอ.สวรส. กล่าว

          ขณะที่ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานกรรมการจัดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กล่าวว่า แนวคิดการประชุมวิชาการฯ ปีนี้ ในประเด็น SAFE Financing นั้น S (sustainability) การเงินการคลังที่ดีต้องมีความยั่งยืน ไม่เอาทรัพยากรของลูกหลานมาใช้ A (adequacy) ความเพียงพอ การเงินต้องเพียงพอ ถ้าต้องการเข้าถึงทรัพยากร เข้าถึงการรักษาพยาบาล ต้องเข้าถึงได้ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระด้านการเงินการคลังมากจนเกินไป F (fairness) ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม และ E (efficiency) ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยทั้ง 4 คำนี้ ต้องไปด้วยกัน นอกจากนั้นในการประชุมครั้งนี้จะได้เห็นว่า ระบบหลักประกันสุขภาพไม่ได้ใช้เงินอย่างเดียว แต่ยังช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศไทยด้วย จากการจัดแสดงนวัตกรรมด้านการแพทย์ ที่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเข้าไปสนับสนุน เช่น การใช้ AI อ่านฟิล์มเอกซเรย์ ถุงทวารเทียม เท้าเทียม รากฟันเทียม กะโหลกศีรษะไทเทเนียม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลาง และประหยัดงบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพไม่ให้บานปลายด้วย จึงอยากเชิญชวนให้ทุกฝ่ายมาช่วยกันคิดช่วยกันพัฒนา

ข้อมูลเพิ่มเติม: งานประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี พ.ศ. 2568 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 13 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (รางน้ำ) และถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เวลา 09.30 – 17.30 น.

งานประชุมวิชาการครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 17 องค์กรภาคีเครือข่าย ได้แก่
1. กระทรวงสาธารณสุข
2. กระทรวงการต่างประเทศ
3. องค์การอนามัยโลก
4. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
5. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
6. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
7. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
8. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
9. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
10. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS)
11. สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล องค์การมหาชน (สรพ.)
12. ธนาคารโลก (The World Bank)
13. องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)
14. โครงการความร่วมมือขับเคลื่อนพลวัตรสุขภาพโลกและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (GLO+UHC)
15. กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ
16. มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP)
17. มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP)

รูปภาพเพิ่มเติม

แสดงความคิดเห็น

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้