ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และในปี 2567 ผู้สูงอายุมีจำนวนมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียวหรือเพียงลำพังกับคู่สมรส สูงถึง 5.4 ล้านคน และกว่า 50% ของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่เป็นผู้สูงอายุต้องอยู่คนเดียวหรือเพียงลำพังกับคู่สมรสในบ้าน ซึ่งในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาโดยการนัดตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง หรือเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโดยการปรับยา การรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ การลดน้ำหนัก ดังนั้นผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังส่วนหนึ่งจึงต้องการผู้ดูแล แม้จะยังไม่ถึงระดับป่วยติดเตียงก็ตาม เพื่อคุณภาพการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย
จากเดิมที่มองว่าผู้ดูแลต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ส่งผลให้การดูแลสุขภาพของประชาชนไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะกำลังคนไม่เพียงพอ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงร่วมกับทีมวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า พัฒนานวัตกรรม ‘WinCare 2.0’ อาสาสมัครผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในเขตชุมชนเมือง ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ เสริมจากการให้บริการปกติของหน่วยบริการปฐมภูมิและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากงานวิจัย ‘การเชื่อมโยงสุขภาพด้วยผู้ดูแลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาการบริการปฐมภูมิที่ต่อเนื่องสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ (WinCare 2.0) ในบริบทเขตเมืองในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ถ่ายโอนไปองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)’ โดยได้มีการนำเสนอผลการวิจัยเพื่อคืนข้อมูลให้กับผู้ที่ให้ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ผศ.ดร.นพ.อภินันท์ อร่ามรัตน์ มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด พญ.สายรัตน์ นกน้อย ศูนย์วิชาการเวชศาสตร์ครอบครัวและราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย พญ.อัมรา อนุรพันธุ์ รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พญ.ลาลิน ประสงค์ศิลป์ รพ.ระยอง นายวิศิษฎ์ ยี่สุ่นทอง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 6 ระยอง น.ส.กอบกุล กวั่งซ้วน กรมกิจการผู้สูงอายุ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รพ.สต.เพ ศูนย์บริการสาธารณสุขวัดโสภณ เทศบาลนครมาบตาพุด ผู้แทน WinCare และผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแลจาก WinCare ในโครงการวิจัย เพื่อการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายที่สามารถจะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงต่อไป โดยมี ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สวรส. เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ จ.ระยอง และระบบการประชุมออนไลน์
ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กว่าวว่า โครงการ WinCare 2.0 เป็นการต่อยอดจากโครงการ WinCare 1.0 ที่เริ่มดำเนินการใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเน้นพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องในเขตเมือง โดยผู้ดูแลที่เรียกว่า WinCare (วินแคร์) ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ และเป็นกลุ่มที่มีพาหนะของตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการ และมีการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทางสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งก่อนและหลังการดำเนินโครงการ ระหว่างกลุ่มทดลอง (WinCare 2.0) และกลุ่มควบคุม ตลอดจนพัฒนาข้อเสนอแนะเพื่อการขยายผลโครงการไปยังพื้นที่อื่น โดยใช้แนวคิดเวชศาสตร์ครอบครัว ซึ่งโมเดลนี้สามารถขยายผลนำไปปรับใช้ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ภายใต้การบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานและการจัดสรรทรัพยากรที่ช่วยให้มีการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้ดีมากยิ่งขึ้น และเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถเสริมประสิทธิภาพการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย WinCare จะต้องเป็นคนในชุมชนที่รู้จักกัน และเป็นอาสาที่เข้าไปเยี่ยมบ้านและดูแลทางด้านสังคม เช่น การพาไปโรงพยาบาลตามนัด การซื้ออาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วย การวัดความดันโลหิต การเตือนเรื่องการกินยา การให้คำแนะนำด้านสุขภาพเบื้องต้น ฯลฯ ซึ่งเป็นบทบาทที่เสริมหนุนกับ อสม. ที่ปัจจุบันอาจมีภาระงานหนักและให้บริการได้ไม่ทั่วถึง ทั้งนี้การนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต และการดำเนินการต่อเนื่อง อาจมีการขอทุนสนับสนุนการดำเนินงานไปยังกองทุนสุขภาพตำบล กองทุนหรือมูลนิธิต่างๆ ในพื้นที่ และขยับเป็นนโยบายในระดับพื้นที่ต่อไป
ด้าน พล.ต.ศ.ราม รังสินธุ์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวถึงจุดเด่นของนวัตกรรม WinCare 2.0 ว่า หลายครอบครัวมีข้อจำกัดในการดูแล ผู้สูงอายุหลายคนอยู่บ้านลำพัง ขาดผู้ดูแล WinCare จึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างชุมชน ครอบครัว และระบบสุขภาพ ช่วยให้การดูแลไม่ขาดตอน และช่วยสื่อสารข้อมูลจากผู้สูงอายุมายังทีมสุขภาพ เสริมการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม. เสมือนระบบเฝ้าระวังสุขภาพของผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีในยามจำเป็น โดย WinCare เป็นคนในชุมชนที่มีจิตอาสา มียานพาหนะ ใช้มือถือสมาร์ทโฟน ได้รับการฝึกอบรม WinCare 1 คน จะดูแลผู้ป่วย 5 คน ไปเยี่ยมบ้านสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยจะไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก สังเกตอาการ แจ้งเตือนการรับประทานยา ชวนออกกำลังกาย และช่วยเหลือด้านอื่นๆ ซึ่งจากการดำเนินงานของ WinCare ในพื้นที่ จ.ระยอง พบว่า เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ผู้ป่วยควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงของโรค เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชน ซึ่งการติดตามและรับทราบค่าต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด น้ำหนัก ส่งผลโดยตรงกับการควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยมีความพึงพอใจมากในการให้บริการของ WinCare พร้อมรู้สึกเชื่อมั่นและปลอดภัย นับเป็นการเสริมพลังการบริการปฐมภูมิที่สามารถทำได้จริงและเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ WinCare ในชุมชนที่ผ่านการอบรมเพิ่มเติม จะช่วยเสริมพลัง Telemedicine ของบริการปฐมภูมิ และกิจกรรมที่ต้องการการดูแลต่อเนื่อง เช่น การลดน้ำหนักเพื่อ DM remission ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยสิ่งสำคัญต้องมีผู้ประสานงานกลาง เพื่อเชื่อมโยงผลการดูแลอย่างต่อเนื่อง และการตอบสนองการบริการของหน่วยบริการปฐมภูมิ รวมถึงทำหน้าที่เป็นผู้ประสานการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ต้องมีการติดตามการรักษาหรือการส่งต่อการรักษา ทั้งนี้การประยุกต์ใช้ในอนาคต อาจดำเนินการโดย อปท. กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมอนามัย รพ.สต. ร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และกลุ่มประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ตัวแทน WinCare ส่วนหนึ่งได้มาร่วมสะท้อนความเห็น หลังจากได้ร่วมโครงการวิจัยฯ ว่า WinCare ไม่ได้เป็น อสม. ไม่ได้เป็น Care Giver แต่เราเป็นเหมือนญาติอีกคนหนึ่ง ที่มาคอยช่วยดูแลสนับสนุนเบื้องต้น ช่วยลดความเสี่ยงของผู้สูงอายุที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นคนติดบ้าน ติดเตียง เรามาช่วยเสริมการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสร้างสัมพันธภาพที่ดี ความไว้วางใจ ที่เกิดเป็นความอุ่นใจของผู้สูงอายุ ส่วนตัวแทนผู้สูงอายุ บอกเล่าความรู้สึกว่า ได้รับการดูแลจาก WinCare เป็นอย่างดีและต่อเนื่อง เหมือนเป็นผู้ช่วยในการดูแลทั้งสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง