ข่าว/ความเคลื่อนไหว
อีกหนึ่งงานวิจัยที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ทำการศึกษาเพื่อการพัฒนาเชิงระบบในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กรณีการรับเหมาก่อสร้างโรงพยาบาลต่างๆ โดยสนับสนุนทุนวิจัยให้กับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) ศึกษาวิจัยเรื่อง “การวิเคราะห์แนวทางการป้องกันปัญหาผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงานตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ: กรณีศึกษาการรับเหมาก่อสร้างโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข” และเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อนำเสนอผลการศึกษา พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อโครงการวิจัยดังกล่าวที่จะถูกนำไปปรับปรุงเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อไป
รศ.ดร.นิรมัย พิศแข มั่นจิตร หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวถึงการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวว่า ได้มีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ตัวแทนผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข 2) ตัวแทนผู้บริหารโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3) ตัวแทนกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 4) ตัวแทนผู้รับจ้างหรือเคยรับจ้างก่อสร้างโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข และ 5) ตัวแทนหัวหน้างานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อการก่อสร้างโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับการเก็บข้อมูลโรงพยาบาลในพื้นที่ 8 จังหวัด
ข้อค้นพบสำคัญจากงานวิจัย รศ.ดร.นิรมัย สรุปว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการทิ้งงานก่อสร้างโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) ผู้รับเหมาก่อสร้างบางรายรับงานหลายแห่ง และไม่สามารถหมุนเวียนเงินได้ทัน ทำให้ขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้เกิดการทิ้งงานบางช่วงและทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามงวดงานและงวดเงิน 2) ผู้รับจ้างก่อสร้างโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขาดศักยภาพในการก่อสร้าง และต้องไปจ้างช่วงต่อกับผู้รับจ้างอีกรายให้มาดำเนินการ รวมถึงการขาดแรงงานในการก่อสร้าง และ 3) ความไม่เหมาะสมของแบบแปลนมาตรฐานอาคารโรงพยาบาล เนื่องจากมีความสมบูรณ์แบบและซับซ้อนมากกว่าการสร้างอาคารในรูปแบบอื่นๆ ส่วนทางกฎหมายพบว่า กฎหมายหลักอย่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เขียนไว้ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายลำดับรอง ระเบียบ ตลอดจนหนังสือเวียนต่างๆ จึงทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อสร้าง อีกส่วนคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (หลักทั่วไปว่าด้วยสัญญาและสัญญาจ้างทำของ) ซึ่งยังไม่มีความครอบคลุมปัญหาในสัญญาจ้างก่อสร้างอย่างเพียงพอ นอกจากนี้แม้สัญญาจ้างก่อสร้างจะเป็นเครื่องมือหลัก แต่ยังมีข้อจำกัดและความซับซ้อน เช่น มีความเสี่ยงภายในสัญญาจ้างหลายเรื่อง ข้อสัญญาอาจไม่มีผลบังคับในทางกฎหมาย ฯลฯ
ในการศึกษาครั้งนี้ ยังได้มีการศึกษากฎหมายไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป อังกฤษ ซึ่งพบว่า กฎหมายไทยมีความทันสมัยในการแก้ไขปัญหา เช่น การกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการยื่นข้อเสนอ ทั้งสถานะทางการเงินของผู้ประมูล และความสามารถด้านเทคนิค หรือเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอหรือผู้ชนะการประมูล ซึ่งใช้เกณฑ์ความคุ้มค่าสูงสุดที่พิจารณาทั้งราคาและคุณภาพ รวมถึงการจัดการกับข้อเสนอที่มีราคาต่ำผิดปกติ ทั้งนี้ข้อเสนอแนะเบื้องต้นจากงานวิจัย แบ่งเป็น 3 เรื่อง 1) การปรับกรอบแนวคิดการจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีการมุ่งที่ผลสัมฤทธิ์ของโครงการก่อสร้างมากกว่าการควบคุมงบประมาณ 2) การกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานของการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งอาจแบ่งเป็นส่วนย่อย ได้แก่ การวางแผนและเตรียมการ เช่น การวิเคราะห์ตลาด บริบท ความเสี่ยง และมีการวางเป้าหมายที่ยึดผลลัพธ์เป็นหลัก การคัดเลือกคู่สัญญา โดยพิจารณาคุณภาพและความคุ้มค่าเป็นสำคัญ ตลอดจนการจัดทำสัญญา ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยง และการบริหารสัญญา โดยมีการติดตามและควบคุมการก่อสร้าง และ 3) กลไกสนับสนุนการใช้ดุลพินิจ อย่างเช่นการมีคณะกรรมการกลาง การมีฐานข้อมูลต้นทุนที่แท้จริง และกลไกการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาพบว่า การก่อสร้างโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมากก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งการก่อสร้างอาคารไม่แล้วเสร็จก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อประชาชนในพื้นที่ที่เสียโอกาสในการเข้าใช้บริการสุขภาพ ดังนั้นงานวิจัยจึงไปวิเคราะห์และหาหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มีสาเหตุจากอะไร ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลให้การก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้โจทย์ของการวิจัยไม่ได้มุ่งเพียงการค้นหาสาเหตุของปัญหาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสนอแนวทางในการป้องกันปัญหาในอนาคตด้วย โดยเน้นไปที่ขั้นตอนก่อนการลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นขั้นตอนในเชิงป้องกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้รับจ้างที่มีคุณภาพ
มีประสบการณ์ความรู้และความเชี่ยวชาญ
“ผลลัพธ์ปลายทางของงานวิจัยชิ้นนี้จะออกเป็นคู่มือ และจะมีแบบแผนกลางในการดำเนินการที่จะให้กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ได้นำไปใช้ ตั้งแต่กองบริหารการสาธารณสุข กรมบัญชีกลาง กองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพื่อทำให้ปัญหาผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงานก่อสร้างโรงพยาบาลน้อยลง โดยในระยะสั้นการแก้ไขปัญหานี้อาจยังไม่ใช่การปรับแก้กฎหมาย แต่เน้นกระบวนการป้องกัน ส่วนในระยะยาวถ้ามีการพบว่าจะต้องมีการปรับแก้กฎหมายก็อาจต้องมีการปรับแก้กันต่อไป” ผศ.ดร.จรวยพร ระบุ
ในการประชุมดังกล่าวยังมีการสะท้อนความคิดเห็นและข้อเสนอจากผู้ทรงคุณวุฒิที่น่าสนใจ เช่น พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ได้มีการวางหลักเกณฑ์ไว้ค่อนข้างดี และมีความคล่องตัว แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องการออกหนังสือเวียนตามหลัง ทำให้ความคล่องตัวจากกฎหมายลดลง จนเพิ่มโอกาสการทิ้งงาน การคัดกรองประวัติผู้รับเหมาก่อสร้างถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากผลงานไม่ได้สะท้อนความสามารถของผู้รับเหมาก่อสร้าง การไม่มีการกำหนดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างแสดงสถานะทางการเงิน ซึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างหลายแห่งอาจมีรายได้ไม่เพียงพอ และเสี่ยงต่อการทิ้งงาน บทลงโทษผู้รับเหมาก่อสร้างที่ทิ้งงานยังเป็นโทษที่ค่อนข้างเบา และกระบวนการกว่าจะระบุว่าผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้ทิ้งงานก่อสร้างใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ระหว่างนั้นผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถไปกระทำลักษณะเดียวกันนี้ได้กับอีกหลายหน่วยงาน ฯลฯ
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้