4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

เปิด “หอประวัติศาสตร์สุขภาพ” แหล่งเรียนรู้ร่องรอยระบบสุขภาพไทยโฉมใหม่อันทรงคุณค่า

          นพ.วิชัย  โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหารหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย กล่าวว่า หอประวัติศาสตร์สุขภาพแห่งนี้  นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สุขภาพครั้งแรกของเมืองไทย  ซึ่งทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานค้นคว้ากันอย่างเข้มข้นเพื่อทบทวนเรื่องราว  รวบรวมข้าวของชิ้นสำคัญๆ  และประมวลทุกอย่างที่คัดสรร ภายใต้แนวคิด “๑๐๐ บุคคล ร้อยความคิด ร้อยสิ่งประดิษฐ์ ร้อยเรื่องราว”  จนพัฒนามาเป็นการนำเสนอและสะท้อนคุณค่าผ่านการจัดแสดงเป็นโซนต่างๆ ที่เชื่อมร้อยทั้งข้อมูล ความรู้ และแรงบันดาลใจ เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่เข้าชมหอประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้เห็นถึงความทรงจำทางสังคมเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ผ่านห้วงเวลาต่างๆ สะท้อนให้เห็นการเรียนรู้และการใช้ภูมิปัญญาที่แตกต่างไปตามบริบททางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น  ซึ่งเรื่องราวที่นำมาจัดแสดงทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย” ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอการจัดแสดงในโอกาสต่อไป   

          “หวังว่าจุดเริ่มต้นจากการรวบรวมประวัติศาสตร์สุขภาพครั้งนี้จะนำไปสู่การขยายผลที่เป็นประโยชน์ต่อระบบสุขภาพและสังคมโดยรวม  ซึ่งการทำงานในระยะต่อไปจะเน้นไปที่การเชื่อมต่อข้อมูลกับสถาบันการศึกษาด้านการแพทย์และการสาธารณสุขทุกสาขา เพื่อให้เห็นความสำคัญและการใช้ประโยชน์ต่อยอดการเรียนรู้  โดยแต่ละสถาบันอาจสนับสนุนให้มีการจัดหลักสูตรเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สุขภาพ  รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้กับผู้คนและท้องถิ่นต่างๆ ตลอดจนหันมาตระหนักและลงมือรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้วยตนเองให้เพิ่มมากขึ้น” นพ.วิชัย กล่าว     

          ด้าน นพ.วิชัย  เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานพิธีเปิดหอฯ ย้ำว่า การศึกษาเรียนรู้เรื่องสุขภาพในแง่มุมเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้ถูกละเลยมานาน รวมทั้งคนส่วนใหญ่และหน่วยงานต่างๆ ไม่ค่อยเห็นความสำคัญในการเก็บรักษาเอกสารและวัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข  ทำให้เกิดการหลงลืมเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแนวคิดและวิถีปฏิบัติจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง  ดังนั้นการทำงานเพื่อรักษาความทรงจำและความรู้ประวัติศาสตร์สุขภาพไทย จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุขในปัจจุบันและอนาคต  นอกจากนี้หลังจากการจัดตั้งแล้วหอประวัติศาสตร์แล้ว ความยั่งยืนของหอประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่ต้องได้รับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ในการสนับสนุนให้เกิดการค้นคว้าและรวบรวมอย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างจริงจัง ทั้งในสถาบันการศึกษา และพื้นที่เรียนรู้สาธารณะอื่นๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ต่อไป  และในฐานะที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการร่วมจัดตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย จึงมีความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อผลักดันให้การศึกษาประวัติศาสตร์สุขภาพในสังคมไทยมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

          นอกจากนี้ นพ.โกมาตร  จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย ได้นำชมและให้ข้อมูลเกี่ยวกับหอประวัติศาสตร์ว่า  หอประวัติศาสตร์สุขภาพแห่งนี้มีพื้นที่เกือบ 400 ตารางเมตร แม้จะไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร แต่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหา บุคคล ข้าวของ ความคิด สิ่งประดิษฐ์ และเรื่องราวที่พร้อมเป็นพื้นที่หรือแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์การสาธารณสุขหรือสุขภาพของสังคมไทยในเชิงประสบการณ์ได้อย่างมีชีวิตและมีความต่อเนื่อง  ภายในหอประวัติศาสตร์ได้มีการจัดแสดงวัตถุ จดหมายเหตุ ภาพ เอกสารและข้าวของที่มีความเป็นมาหลากหลาย พร้อมแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจนและเชื่อถือได้  โดยนิทรรศการทั้งหมดได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 9 โซนหลักๆ แต่ก็เชื่อมโยงเดินทั่วถึงกัน ภายใต้บรรยากาศของการเดินชมตามอัธยาศัย อาทิเช่น โซนสุขภาวะทางจิตวิญญาณ ที่เปิดประเด็นคำถามเชิงปรัชญาที่ปรากฏในทุกภูมิปัญญาทุกศาสนาและวัฒนธรรม ว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของชีวิต และจะไปสู่หนทางแห่งความหลุดพ้นได้อย่างไร  โซนการแพทย์ในสถานการณ์วิกฤต ในสถานการณ์คับขัน การแพทย์มีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแต่ความรู้ทางการแพทย์ในการรักษาผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะในการจัดการสถานการณ์ที่ไม่ปกตินั้นด้วย  โซนความตายและวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะไม่ว่าการแพทย์และระบบการดูแลสุขภาพจะพัฒนาไปแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะความตายได้ การเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับวาระสุดท้ายของชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การตายเป็น “สุขคติ” อย่างแท้จริง ฯลฯ นอกจากนั้น การออกแบบภายในได้จัดให้มีฉากหลังและฝ้าเพดานสีดำสนิท นอกจากเพื่อขับให้เรื่องราวที่นำมาจัดแสดงดูโดดเด่นขึ้น ยังสะท้อนอีกว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่สูญหายไปตามกาลเวลา หรือยังไม่ได้นำมาจัดแสดง รอให้มีการค้นพบเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ ส่วนพื้นและฐานที่ติดตั้งเรื่องราว ส่วนใหญ่เป็นท่อนกระดาษกลมหรือแท่นกลม แสดงถึงการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านของเหตุการณ์ไปตามกาลเวลา  ซึ่งหลังจากมีพิธีเปิดหอประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 12 ก.พ.นี้  ท่านที่สนใจสามารถเข้าชมและร่วมเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในหอประวัติศาสตร์สุขภาพได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. บริเวณชั้น 1 อาคารสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่เสียค่าบริการ สำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น บุคลากรทางด้านสาธารณสุข นักศึกษา ฯลฯ สามารถติดต่อขอเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ตามวันและเวลาดังกล่าว ส่วนกิจกรรมอื่นๆ คาดว่าจะจัดกิจกรรมเชิงรุกกับสถาบันการศึกษาทุกๆ 2-3 เดือน ซึ่งสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ได้ที่ เว็บไซต์และเฟซบุ๊คของหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย www.nham.or.th / www.facebook.com/nham.thailand   

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้