ข่าว/ความเคลื่อนไหว
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 นี้ เป็นช่วงสำคัญที่หลายๆ คนต่างเดินทางสัญจรกลับบ้าน หรือไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งแน่นอนว่าอาจต้องพบกับสภาพความแออัดที่มีผู้คนจากแหล่งต่างๆ หมุนเวียนกันไปมา และที่สำคัญเชื่อว่าการหยุดพักผ่อนยาวๆแบบนี้ คงไม่มีใครอยากจะนำเชื้อโรคติดตัวกลับมาบ้านด้วย ยิ่งทุกวันนี้หลายคนก็อดกังวลไม่ได้เพราะโรคติดเชื้อในปัจจุบันมีมากมาย โดยเฉพาะ “วัณโรค” โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย แต่ที่กล่าวมานั้นก็ไม่ได้ให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่เพื่อหันมาสร้างความตระหนัก เพราะโรควัณโรค หากรู้เท่าทัน มีความเข้าใจเกี่ยวที่ถูกต้อง เราก็จะมีพฤติกรรมและป้องกันตนเองให้ห่างจากโรคได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดเข้าใจที่ดีต่อผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดการตีตราหรือรู้สึกลบต่อผู้ป่วยได้อีกด้วย ในวันนี้เรามาติดตามสาระดีๆ เพื่อให้การเดินทางสัญจรกลับบ้าน/พักผ่อนหย่อนใจในช่วงปีใหม่นี้ เป็นการเดินทางที่ปลอดภัยจากวัณโรคกัน
สถานการณ์ “วัณโรค” ในประเทศไทย
เกี่ยวกับ “วัณโรค”
วัณโรคที่เป็นกันมากที่สุดและเป็นชนิดที่ติดต่อกันได้คือ “วัณโรคปอด” โดยผู้ที่ป่วยจะมีอาการ ไอเรื้อรังอยู่เป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ หรือไอแล้วมีเลือดปนออกมากับเสมหะ มีไข้ น้ำหนักตัวลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีเหงื่อออกผิดปกติตอนกลางคืน เจ็บหน้าอก นอกจากนี้ วัณโรคยังเกิดได้กับหลายส่วนของร่างกาย เช่น เยื่อหุ้มสมอง กระดูก ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น เหล่านี้เรียกว่า “วัณโรคนอกปอด” แต่เป็นชนิดที่ไม่สามารถติดต่อหรือแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหายใจเอาเชื้อวัณโรคเข้าไปในร่างกาย โดย...
คนไข้วัณโรคที่ไม่ได้รักษาจะแพร่เชื้อโดยการไอ จาม หรือขากเสมหะ ส่วนคนทั่วไปหายใจเอาละอองอากาศที่มีเชื้อวัณโรคเข้าไปถ้าร่างกายติดเชื้อวัณโรค แต่มีภูมิต้านทานดี เขาจะเป็น “ผู้ติดเชื้อวัณโรค” ที่
ถ้าร่างกายติดเชื้อวัณโรค แต่มีภูมิต้านทานไม่ดี เขาจะเป็น “ผู้ติดเชื้อวัณโรคและผู้ป่วยวัณโรค” ที่
การรักษา การดูแลและป้องกันตนเอง เพื่อลดความเสี่ยง – หลีกเลี่ยงวัณโรค
ความรู้ความเข้าใจ “วัณโรค” ที่ถูกต้องจากงานวิจัย เพื่อป้องกันโรคและลดการตีตราผู้ป่วย
ข้อมูลจากการศึกษาวิจัย “โครงการพัฒนาคู่มือและเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความครอบคลุมในการค้นหาผู้สัมผัสวัณโรคและลดผลกระทบทางสังคมแก่ผู้ป่วยและผู้สัมผัสโรค” โดยการสนับสนุนของ สวรส. จากการวิจัยเชิงคุณภาพเรื่องความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการตีตราทางสังคมของวัณโรคและการค้นหาผู้สัมผัสวัณโรคในชุมชน ได้แก่ โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และที่ทำงาน พบว่า ผู้ป่วยวัณโรคมีความเสี่ยงสูงในการแพร่วัณโรคให้แก่ผู้สัมผัสที่โรงเรียนและโรงพยาบาล เป็นต้น
โดยผลการศึกษาวิจัยดังกล่าว ในหัวข้อความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการตีตราทางสังคมต่อวัณโรค พบประเด็นความเข้าใจผิด ที่ต้องให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจากแหล่งข้อมูลวิจัยที่น่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น
ความเข้าใจผิด ว่าวัณโรคเป็นโรคที่น่ารังเกียจ โดยมีการตีตราทั้งจากตัวผู้ป่วยเองและสังคม ส่วนใหญ่เลือกที่จะปิดบังเรื่องการป่วยเป็นวัณโรคกับคนนอกครอบครัว
ข้อมูลข้อค้นพบจากการวิจัย การตีตรา คือ ความรู้สึกที่เป็นลบ รู้สึกว่าคุณค่าหรือศักดิ์ศรีในตัวเองลดน้อยลง รู้สึกเป็นที่รังเกียจหรือไม่เป็นที่ต้องการของสังคม ซึ่งอาจเป็นเพียงความรู้สึกนึกคิดไปเอง หรือการมีผู้อื่นแสดงอาการรังเกียจ และปฏิบัติต่อผู้ป่วยวัณโรคที่แตกต่างไปจากผู้อื่น
พฤติกรรมจากความเข้าใจ/ความเชื่อที่ผิด
ผลของการตีตราทำให้มีผลต่อการค้นหาผู้ป่วยวัณโรคต่ำ เนื่องจากผู้ป่วยปิดบังเรื่องวัณโรค ทำให้ผู้สัมผัสร่วมบ้าน หรือผู้สัมผัสในเครือข่ายสังคมไม่ได้รับการคัดกรองวัณโรค นอกจากนี้ ผู้ที่สัมผัสวัณโรค ปฏิเสธการคัดกรองเพราะเกรงว่าหากตรวจพบวัณโรคจะทำให้ถูกรังเกียจ
ข้อเสนอจากงานวิจัย สวรส. ควรให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อลดการตีตรา เช่น วัณโรค ทำให้เสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาช้า แต่หากได้รับการคัดกรองและรับการรักษารวดเร็ว ถึงแม้จะติดเชื้อ HIV ร่วมด้วย ก็สามารถที่จะรักษาวัณโรคให้หายได้ โดยคนไข้ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน แต่หากคนไข้วัณโรคไม่ได้รับการรักษาหรือรับการรักษาช้ามาก คนไข้อาจจะเสียชีวิตได้
-----------------------------------------------------
ความเข้าใจผิด เชื่อว่าวัณโรคติดต่อจากการกินอาหารร่วมกัน
ข้อมูลข้อค้นพบจากการวิจัย วัณโรคไม่ได้ติดต่อโดยการกินอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน แต่มีโรคหลายโรคที่ติดต่อกันทางน้ำลาย เช่น แผลเริมที่ปาก แผลร้อนใน ไวรัสตับอักเสบ ทั้งนี้ วัณโรค เป็นโรคติดต่อทางลมหายใจจากคนสู่คน เกิดจากเชื้อวัณโรคซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่ได้รับการรักษาจะแพร่เชื้อวัณโรคผ่านทางละอองเสมหะโดยการไอ จาม การขากเสมหะ หัวเราะ หรือการพูดคุย
ข้อเสนอจากงานวิจัย สวรส. ควรให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อพฤติกรรมที่ถูกต้อง เช่น เพื่อสุขอนามัยของทุกคน เมื่อร่วมวงกินอาหารด้วยกัน ควรเตรียมช้อนให้เพียงพอกับจำนวนคน และต้องใช้ช้อนกลางตักอาหารที่ต้องกินร่วมกันและมีแก้วน้ำแยกคนละใบ และใช้ผ้าปิดปากและจมูกมิดชิดเวลาไอหรือสวมหน้ากากอนามัย
-----------------------------------------------------
ความเข้าใจผิด ว่าคนที่ไม่มีคนในครอบครัวป่วยเป็นวัณโรคหรือไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคจะไม่เป็นวัณโรค
ข้อมูลข้อค้นพบจากการวิจัย “วัณโรค” มีโอกาสรับเชื้อจากสถานที่ชุมชนต่างๆ ที่มีผู้ป่วยวัณโรคที่ยังไม่ได้รับการรักษาปะปนอยู่ โดยงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศพบว่า คนไข้วัณโรคที่ยังไม่ได้รับการรักษามีการเดินทางอย่างกว้างขวาง ด้วยรถปรับอากาศและเครื่องบิน โดยผู้ที่อยู่ในรถหรือเครื่องบินกับผู้ป่วยวัณโรคนานเกิน 10 ชั่วโมง จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการรับเชื้อวัณโรค
ข้อเสนอจากงานวิจัย สวรส. ควรหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงหรือสถานที่แออัด ไม่มีการระบายอากาศและไม่มีแสงแดดส่อง เป็นต้น
-----------------------------------------------------
ความเข้าใจผิด ว่าเมื่อรับเชื้อวัณโรคเข้าไปในร่างกายจะแสดงอาการภายใน 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ เหมือนโรคไข้หวัดหรือท้องร่อง
ข้อมูลข้อค้นพบจากการวิจัย “วัณโรค” เป็นโรคติดต่อ แต่วัณโรคไม่ใช่โรคติดต่อเฉียบพลัน ที่จะทำให้ป่วยวัณโรคได้ภายใน 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ โดยคนที่ร่างกายมีภูมิต้านทานดี เมื่อร่างกายได้รับเชื้อวัณโรคเข้าไป จะกลายเป็นผู้ติดเชื้อวัณโรคแต่เชื้อจะถูกควบคุมไม่ให้ออกฤทธิ์ได้ แต่แอบแฝงในร่างกาย ทำให้ไม่มีอาการป่วย และไม่แพร่เชื้อโรคแก่ผู้อื่น
ข้อเสนอจากงานวิจัย สวรส. ควรตรวจหาวัณโรคด้วยการตรวจร่างกาย
[1] มูลนิธิวิจัยวัณโรคและโรคเอดส์, หลักสูตรและประมวลรายวิชาการสื่อสารเพื่อเพิ่มความครอบคลุมในการค้นหาผู้สัมผัสวัณโรค (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2561), หน้า 11
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้