ข่าว/ความเคลื่อนไหว
องค์กรรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ เป็นกลไกบริหารจัดการสาธารณะแนวใหม่ (New Public Management) ที่เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมกลไกรัฐเดิม เช่น ราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อตอบสนองช่องว่างของการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยมีจุดเด่นคือลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่น มีอิสระ คล่องตัว เพิ่มการกระจายอำนาจและการทำงานในลักษณะเครือข่าย เน้นประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อประชาชนและสังคมโดยรวม ประกอบด้วย 16 หน่วยงาน ที่มีทั้งองค์กรด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านกองทุนสนับสนุน ซึ่งในปีนี้ได้ร่วมจัดการประชุมวิชาประจำปี ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ (ทอพ.) ในหัวข้อ “New Public Management : Thailand 4.0” และในการประชุมฯ ได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช รองประธานมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ปาฐกถาในหัวข้อ “องค์กร พรบ.เฉพาะ ยุค Thailand 4.0 : New Public Management สู่องค์กรสมรรถนะสูงและมีธรรมาภิบาล” รวมทั้งผู้บริหารทั้ง 16 องค์กรได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ และข้อเสนอเชิงนโยบาย ว่าด้วยการพัฒนาองค์กร ทอพ. ไปสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะและธรรมาภิบาลสูง โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มี นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ ผู้อำนวยการ สวรส. ร่วมประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในฐานะประธาน ทอพ. กล่าวในการประชุมดังกล่าว สาระสำคัญความว่า การรวมตัวกันของ ทอพ. มีเจตนารมณ์เดียวกันคือ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยตามแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประสานพลังสร้างการจัดการองค์กรภาครัฐที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” มุ่งสู่ Thailand 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศ ทำให้หน่วยงานรัฐต่างๆ ต้องเร่งปรับตั วเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้องค์กรมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย
ด้าน นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ ผู้อำนวยการ สวรส. กล่าวว่า ในฐานะที่ สวรส. เป็นหนึ่งในองค์กรรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.เฉพาะ ที่ต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถอยู่ตลอดเวลา โดย สวรส.ตระหนักเสมอว่า การบริหารองค์กรภายใต้การเปลี่ยนแปลง และบริบทใหม่ๆ จำเป็นต้องพัฒนาองค์กรให้มีศักยภาพและมีความยืดหยุ่น มีการปรับตัวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีสมรรถนะสูงและทันสมัย ควบคู่กับการยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้สามารถดำเนินการตามพันธกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ผู้บริหารทั้ง 16 องค์กรรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.เฉพาะ ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาองค์กร ทอพ. ไปสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงและมีธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง มีสาระสำคัญดังนี้ 1.ประสานพลังและบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเพิ่มบทบาทการให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแก่รัฐบาล การดำเนินงานตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา และสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชุมชนและสังคมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 2.เร่งพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงและมีธรรมาภิบาล มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ประสานทรัพยากรร่วมกัน สร้างนวัตกรรมแนวคิดใหม่ในการแก้ปัญหา และ 3.จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่กำกับองค์กรภาครัฐ เพื่อพัฒนา 16 องค์กรเฉพาะให้สามารถดำเนินการตามพันธกิจของแต่ละองค์กรได้อย่างเป็นอิสระและคล่องตัวมากขึ้น ที่สำคัญ ช่วยการขับเคลื่อนพันธกิจของรัฐบาลให้สำเร็จ โดยทบทวนข้อกำหนด ข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน โดยมุ่งยึดแนวทางการบริหารจัดการองค์กรและกลไกการกำกับตามที่ได้ออกแบบและระบุไว้ในพระราชบัญญัติเฉพาะของแต่ละองค์กรเป็นหลัก
นอกจากนั้น ภายในงานยังได้มีการจัดบูธนิทรรศการของทั้ง 16 องค์กรสมาชิก เพื่อเสนอนวัตกรรมและผลงานเด่นของแต่ละหน่วยงาน เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยในการประชุมฯ มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผู้แทนจากทั้ง 16 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน ทั้งนี้ ทอพ. มีสมาชิกเป็นองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ จำนวน 16 หน่วยงาน ประกอบด้วย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา (คส.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สถาบันอนุญาโตตุลาการ และสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้