ข่าว/ความเคลื่อนไหว
องค์กรที่รัฐจัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ เป็นกลไกบริหารจัดการสาธารณะใหม่ (New Public Management) ที่เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมกลไกรัฐเดิม เช่น ระบบราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นกลไกในการตอบสนองช่องว่างของการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยมีจุดเด่นคือลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่น มีอิสระ คล่องตัว เพิ่มการกระจายอำนาจและการทำงานในลักษณะเครือข่าย เน้นประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อประชาชนและสังคมโดยรวม รวมถึงเพิ่มประสิทธิผลของการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 16 หน่วยงาน ที่มีทั้งองค์กรด้านสุขภาพ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และกองทุนสนับสนุน ซึ่งในปีนี้ได้จัดการประชุมวิชาการประจำปีโดยเป็นการประชุมผู้บริหารองค์กร ในหัวข้อ “ประชารัฐร่วมใจ สู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ” ซึ่งในภาคเช้าได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาในหัวข้อ “สูงวัยอย่างมีคุณค่า น้อมนำพัฒนาวิถีเศรษฐกิจพอเพียง” และการลงนามความร่วมมือ“บันทึกข้อตกลงความร่วมมือของ 16 หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ” เพื่อประสานพลังและบูรณาการงานตามภารกิจของแต่ละองค์กรที่จะนำไปสู่การสนับสนุนกระบวนการพัฒนาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนและจัดการความรู้ระหว่างองค์กร รวมถึงการถ่ายทอดบทเรียนองค์ความรู้สู่องค์กรของรัฐตาม พ.ร.บ.เฉพาะที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาประเทศและสังคม โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มี นางวิชญา เลขวิริยะกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวรส. เป็นผู้แทนในการร่วมลงนามครั้งนี้
ในการประชุมครั้งนี้ องค์กรของรัฐที่จัดตั้งตรม พ.ร.บ.เฉพาะ ทั้ง 16 หน่วยงานได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขของสังคมสูงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมสังคมสูงวัยของประเทศไทยใน 2 เรื่องหลัก ประกอบด้วย ด้านบุคคล และด้านระบบรองรับ โดยในด้านบุคคล ประกอบด้วย การสร้างความรู้ และความเข้าใจในการดูแลสุขภาพของตนเอง เนื่องจากพบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ร้อยละ 95 มีโรคประจำตัว โดยกระตุ้นให้ผู้สูงอายุมีการออมให้มากขึ้น ส่วนด้านระบบรองรับ ได้เตรียมการกระตุ้นให้แรงงานนอกระบบที่ไม่มีสวัสดิการรองรับในช่วงสูงอายุ เข้าเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติมากขึ้น การวางระบบการรักษาพยาบาลให้ผู้สูงอายุเข้าถึงมากขึ้น การส่งเสริมและสนับสนุนระบบการเรียนรู้ตลอดช่วงอายุและรู้เท่าทันสถานการณ์ การสร้างการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เป็นต้น
ด้าน สวรส. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานด้านวิชาการในระบบสุขภาพ เห็นความสำคัญของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และพร้อมสนับสนุนการศึกษาวิจัยและการบริหารจัดการความรู้ ที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ การพัฒนามาตรฐาน การพัฒนาเชิงนโยบาย และด้านอื่นๆ เพื่อรองรับสังคมสูงวัยและการพัฒนาผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
นอกจากนั้นยังได้มีเวทีเสวนาทางวิชาการหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ รวมพลังสร้างสรรค์พัฒนาสู่สังคมสูงวัย สานพลังปัญญาสู่สังคมสูงวัย ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และความเข้าใจในระบบการดูแลผู้สูงวัยในมิติต่างๆ มาร่วมเสวนาและเสนอแนะทางออกเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนการจัดบูธนิทรรศการเพื่อเสนอนวัตกรรมและผลงานเด่นของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้ง บูธ “คำพ่อสอน” การแสดงของ “หุ่นยนต์ดินสอ” สิ่งประดิษฐ์มือคนไทยเพื่อช่วยดูแลผู้สูงวัย การบรรเลงและขับร้องเพลงของกลุ่มผู้สูงอายุจากวง “สานใจคอรัส” โดยในการประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผู้แทนจากทั้ง 16 หน่วยงานฯ เข้าร่วมประชุมราว 400 คน เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2560 ณ อาคารสุขภาพแห่งชาติ
ทั้งนี้ องค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. เฉพาะ ทั้ง 16 หน่วยงาน ประกอบด้วย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา (คส.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) โดยล่าสุดมีสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เข้าร่วมเป็นองค์กรที่ 16
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้