ข่าว/ความเคลื่อนไหว
สวรส. จัดอบรมหลักสูตรผู้จัดการงานวิจัย หวังสร้างคน พัฒนาศักยภาพ สร้างงานวิจัยคุณภาพ พร้อมขยายผลการจัดการความรู้สู่การใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศ สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาระบบสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดอบรมหลักสูตรผู้จัดการงานวิจัย รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการงานวิจัยระบบสุขภาพ โดยเน้นการพัฒนาความสามารถบุคลากรที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการ แผนงาน หรือหน่วยงานวิจัย ให้สามารถดำเนินกระบวนการบริหารจัดการงานวิจัยอย่างมีคุณภาพ พร้อมสนับสนุนให้ระบบวิจัยสุขภาพสามารถสร้างความรู้ จัดการความรู้ และนำความรู้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบสุขภาพ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีของประชาชน ตลอดจนร่วมพัฒนาให้เกิดความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยการอบรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 - 24 ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมริชมอนด์
การอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมจำนวน 87 คน ประกอบด้วย นักวิจัย ผู้ประสานงานการวิจัยที่มาจากหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยได้เปิดเวทีการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับประเด็นงานวิจัยของ สวรส. ในหลากหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการวิจัยสุขภาพกับการพัฒนาประเทศ จริยธรรมการวิจัยและกฎระเบียบที่ควรรู้ ทิศทางการวิจัยของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนการแบ่งกลุ่มประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และฝึกปฏิบัติในประเด็นต่างๆ อาทิ การตั้งโจทย์วิจัยให้สอดคล้องกับปัญหาและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ การเขียนข้อเสนอโครงการ การออกแบบวิธีการวิจัยที่เหมาะสม การบริหารจัดการงบประมาณการวิจัย การจัดทำแผนปฏิบัติการ การคัดเลือกนักวิจัย การกำกับติดตามประเมินผล การใช้ประโยชน์จากงานวิจัย ฯลฯ โดยในวันสุดท้ายของการอบรมได้รับเกียรติจาก พญ.มยุรา กุสุมภ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบประกาศณียบัตรให้กับผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้จัดการงานวิจัย รุ่นที่ 3 ด้วย
ด้าน พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้จัดการสำนักจัดการงานวิจัยและประสานโครงการและผู้จัดการงานวิจัยอาวุโส กล่าวว่า นักจัดการงานวิจัยหรือผู้จัดการงานวิจัย นับเป็นบุคลากรสำคัญของระบบวิจัยของประเทศ โดยเฉพาะในระบบการวิจัยด้านสุขภาพ สำหรับประเทศไทย มีกระบวนการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2504 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องมีความพยายามให้การพัฒนาเป็นไปด้วยกระบวนการของการใช้ความรู้เป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ตรงทิศทาง แก้ปัญหาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ แต่ในระยะแรก การวิจัยอาจยังไม่ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนามากนัก ซึ่งจะเห็นได้จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 จนถึงฉบับที่ 12 ในปัจจุบัน ประเทศไทยสามารถยกระดับจากประเทศยากจนที่มีรายได้น้อยขึ้นมาเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางได้ แต่ยังติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางอยู่เป็นระยะเวลานาน ยังไม่สามารถก้าวกระโดดไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้ แต่ขณะเดียวกันบนกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ยังมีกับดักอื่นซ้อนอยู่ด้วย ซึ่งนั่นก็คือ กับดักเรื่องความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากรายได้ของประเทศที่เพิ่มขึ้นมีการกระจายตัวที่ไม่ดี ยังมีช่องว่างที่กว้างอยู่มาก คนส่วนใหญ่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่มีรายได้สูง ส่วนกับดักต่อมาคือกับดักของการที่จะก้าวไปสู่ประเทศที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาที่จะทำให้เกิดการก้าวข้ามกับดักเหล่านี้ไปให้ได้ ด้วยกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติในมิติที่เกี่ยวข้องกับ สวรส. ในด้านการวิจัยสุขภาพ สวรส.จะทำหน้าที่บริหารจัดการงานวิจัย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยเน้นการมีสุภาพที่ดีอย่างถ้วนหน้า ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เกิดการสร้างสุขภาพที่ดีอย่างเท่าเทียม
พญ.วัชรา กล่าวต่อว่า สำหรับด้านการวิจัยระบบสุขภาพ พบว่าปัญหาของระบบวิจัยที่ผ่านมา ไม่ใช่ประเด็นไม่มีงานวิจัย หรือไม่มีงบประมาณในการทำวิจัย แต่ปัญหาที่สำคัญคือ การไม่สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ เนื่องมาจากขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในทุกระดับ มีความซ้ำซ้อนทั้งการจัดสรรงบประมาณและการทำวิจัย โครงการวิจัยย่อยๆ ไม่สามารถสร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงระบบโดยรวมได้ ฯลฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวต้องมีกำลังคนสำคัญ ที่เรียกกันว่า นักบริหารจัดการงานวิจัย หรือ นักบริหารโครงการวิจัย ที่มีทั้งความรู้ความเข้าใจในบริบทของระบบสุขภาพและการพัฒนาประเทศ และมีทักษะเกี่ยวกับการบริหารจัดการในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินการวิจัย พร้อมสามารถควบคุมคุณภาพงานวิจัย ตั้งแต่การสร้างความรู้ไปจนถึงการใช้ความรู้จากงานวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยใช้เงินสำหรับการวิจัยและพัฒนา เพียง 0.5% ของ GDP ดังนั้นเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงมุ่งยกระดับไปให้ถึง 1.5% ของ GDP ซึ่งโดยรวมสิ่งที่อยากเห็นคือ การสนับสนุนและการลงทุนทางด้านการวิจัยในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการพัฒนาโครงสร้าง การพัฒนาคน การพัฒนาโจทย์วิจัยให้ตรงกับปัญหา และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาประเทศให้ได้ในที่สุด
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้