4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

วิจัยหนุนการจัดการเชิงระบบ พร้อมพัฒนาเครือข่าย ฟื้นฟูคนพิการทางการได้ยินในชุมชนต่อเนื่องระยะยาว

          กำลังคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการและการพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการได้ยินในประเทศไทยอาจนับได้ว่าอยู่ในขั้น “ขาดแคลนอย่างมาก” โดยเฉพาะนักแก้ไขการได้ยินที่ทำงานเป็นทีมร่วมกับแพทย์ หู คอ จมูก  การขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการได้ยินให้ทั่วถึงและได้มาตรฐานจึงมีปัญหาอุปสรรคอีกมาก นับตั้งแต่ขั้นการคัดกรองการได้ยินในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย  การตรวจประเมินการได้ยิน การพิจารณารักษาหรือฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยการใช้เครื่องช่วยฟังและวิธีการอื่นๆ และการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องจนได้ผลลัพธ์เป็นความสามารถในการสื่อสารที่ดีขึ้น ที่นำไปสู่การมีความสามารถในการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี  ทั้งนี้รูปแบบการจัดบริการ งบประมาณและการเบิกจ่าย รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังและการซ่อมบำรุงระหว่างการใช้งาน และการพัฒนากำลังคนเพื่อเติมเต็มในระบบบริการ ล้วนยังเป็นความท้าทายของสังคมไทยและเป็นโจทย์ที่ต้องการการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบต่อไป 

          ดังนั้นสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)  จึงผลักดันให้เกิดงานวิจัย “โครงการพัฒนาเครือข่ายและรูปแบบค้นหาและฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการได้ยินในชุมชนต่อเนื่องระยะยาว” (2 ปี)  เพื่อพัฒนาเครือข่าย รูปแบบ และจัดทำคู่มือดูแลผู้สูงอายุที่มีความพิการทางการได้ยินต่อเนื่องระยะยาวในชุมชน  ที่คาดว่าจะเพิ่มการเข้าถึงการให้บริการเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพและอย่างมีประสิทธิภาพ  โดยมีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นทีมหลักในการดำเนินการร่วมกับทีมวิจัยในพื้นที่ระดับอำเภอและชุมชน  ซึ่งได้มีการนำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายและการพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการได้ยินเชื่อมต่อกับการพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอและชุมชน รวมทั้งการดูแลระยะยาวผู้สูงอายุในชุมชน  

          พญ.วัชรา  ริ้วไพบูลย์  ผู้จัดการงานวิจัยอาวุโส กล่าวว่า  การทำงานช่วงแรกของ สวรส.กับการพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการได้ยิน  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ  ที่พยายามมองภาพใหญ่ทั้งระบบว่า  หากต้องขับเคลื่อนให้เกิดระบบที่ดีและได้มาตรฐานบริการได้ทั่วถึงต้องสร้างและจัดการความรู้ในเรื่องอะไรบ้าง ก็พบว่าต้องการทั้งเรื่องของกำลังคนที่จะเป็นผู้ให้บริการ เรื่องเครื่องมือและรูปแบบการคัดกรองในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย  รูปแบบการให้บริการ การจัดทำมาตรฐานต่างๆ งบประมาณและวิธีการเบิกจ่าย และการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ  ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาให้บริการดำเนินไปได้โดยต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน
 
          “ที่ผ่านมา สวรส.ได้ทำงานร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและเครือข่ายวิจัยในพื้นที่ ในการพัฒนาและวิจัยศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเครื่องช่วยฟังแบบกล่องของไทย เพื่อทดสอบว่าเครื่องช่วยฟังของไทยนั้นสามารถเทียบเคียงกับเครื่องช่วยฟังที่มีอยู่ในท้องตลาดได้หรือไม่  จากนั้นได้นำร่องพัฒนาระบบบริการกับ 13 โรงพยาบาลที่ร่วมเป็นเครือข่าย ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ซึ่งต้นแบบ (Model) ของการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการได้ยินที่อยากเห็น คือการทำงานเชื่อมประสานกันทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นสถานบริการระดับตติยภูมิ  ทุติยภูมิ  ปฐมภูมิ  ไปจนถึงชุมชนและภาคเอกชน  ที่หนุนเสริมกันเพื่อให้เกิดการดูแลอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” พญ.วัชรา กล่าว

          รศ.พญ.ขวัญชนก  ยิ้มแต้  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัย สวรส. เล่าถึงงานวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่ว่า  ทีมวิจัยเลือกลงมือทำงานกับกลุ่มผู้สูงอายุก่อน เพราะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เปรียบได้กับคลื่นสึนามิ  ซึ่งถ้ากลุ่มผู้สูงอายุที่มีความพิการทางการได้ยินไม่ได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูที่เหมาะสม  จะทำให้มีปัญหาเรื่องอารมณ์และความจำ ประกอบกับกำลังคนด้านสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลกลุ่มเด็กมีจำนวนค่อนข้างจำกัด  หากเลือกที่จะเริ่มจากกลุ่มที่ยังไม่มีทรัพยากรเพียงพอ  อาจทำให้ไม่เห็นความก้าวหน้าในเชิงการพัฒนาระบบมากนัก  และในอนาคตอาจต้องให้ความสำคัญกับประเด็น task shifting  ซึ่งเป็นแนวคิดการกระจายงานที่ไม่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะของวิชาชีพให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุข และผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์  ตลอดจนการระดมความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญนอกพื้นที่มาให้บริการเสริมในหน่วยงานที่มีกำลังคนจำกัด  เพื่อให้เกิดการดูแลและให้บริการอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพมากขึ้น

          รศ.พญ.ขวัญชนก  กล่าวต่อว่า  พื้นที่นำร่องที่ดำเนินการวิจัยและเก็บข้อมูล  ได้แก่  จ.ขอนแก่น  จ.มหาสารคาม  และ จ.ชัยภูมิ  โดยแต่ละที่ใช้ concept การทำงานเหมือนกัน  ไม่ว่าจะเป็น  การจัดอบรมการคัดกรองให้กับทีมในพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล  รพ.สต.  อสม. ฯลฯ  ดำเนินการคัดกรองและค้นหาผู้สูงอายุที่มีผลการคัดกรองผิดปกติ  ทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจรักษาและขึ้นทะเบียนผู้พิการทางการได้ยินที่ชุมชน  จัดระบบส่งต่อการดูแลรักษา  ตรวจประเมินเครื่องช่วยฟัง  ใส่เครื่องช่วยฟังและติดตามการใช้งาน  พร้อมค้นหาคนพิการต้นแบบที่จะทำหน้าที่เป็นจิตอาสาช่วยเหลือแนะนำการใช้งานให้แก่ผู้อื่นต่อ  แต่ด้วยบริบทและรายละเอียดของแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน  ทำให้ทีมวิจัยเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และให้คำปรึกษากันระหว่างพื้นที่  ซึ่งจากการวิจัยพบข้อสังเกตเบื้องต้นที่น่าสนใจ  เช่น  การให้คำแนะนำแก่ผู้รับบริการแบบกลุ่มได้ผลดีกว่าแบบรายบุคคล  ข้อมูลที่พบคือ แบบกลุ่มจะเกิดการแนะนำและสอนกันเอง  และยิ่งถ้าอยู่บ้านใกล้กัน จะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กันได้อย่างสะดวก  การประสานความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่และภาคเอกชน  เช่น  ร้านค้า  เทศบาล  อบจ.  อบต. ฯลฯ  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าโครงการนี้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย  ผู้สูงอายุที่ได้รับเครื่องช่วยฟังจะสามารถคงการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน และสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ต่อได้อีกด้วย

          ทางด้าน 3 พื้นที่นำร่องที่ได้มีการทำงานวิจัยและเก็บข้อมูลมาระยะหนึ่ง  โดยแต่ละพื้นที่ มีเทคนิคการทำงานในรายละเอียดที่แตกต่างกันไป  เช่น  การเชิญชวนจิตอาสาที่เป็นนักเรียน นักศึกษา มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุที่มารับบริการ  ซึ่งผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับการให้บริการในรูปแบบดังกล่าว  การสนับสนุนของห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่ในการติดป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม การสนับสนุนด้านอาหาร และการจัดรถรับส่ง  การให้บริการในวันหยุดราชการ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สามารถให้บริการแก่ผู้สูงอายุได้จำนวนมากกว่าในวันราชการ  การจัดทำนวัตกรรมคลิปวิดีโออธิบายแบบสอบถามเป็นภาษาประจำถิ่น ฯลฯ  ซึ่งภาพรวมของการขับเคลื่อนงานการให้บริการทางการได้ยินในพื้นที่นำร่องที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือ จ.ชัยภูมิ เนื่องจากสามารถผลักดันเข้าสู่ระบบ Service Plan สาขา หูคอจมูก ของ จ.ชัยภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

          อย่างไรก็ตาม จากรายงานความก้าวหน้าของงานวิจัยเพื่อการพัฒนาเครือข่ายและรูปแบบค้นหาและฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการได้ยินในชุมชนต่อเนื่องระยะยาว  ทำให้เห็นข้อมูลว่า ชุดข้อมูลเครื่องมือและรูปแบบการคัดกรองการได้ยินผู้สูงอายุ ตลอดจนการส่งต่อขึ้นลงเพื่อการดูแลต่อเนื่อง น่าจะได้รับการบรรจุเข้าในระบบการดูแลระยะยาวผู้สูงอายุในชุมชนด้วย และยังมีความรู้และการบริหารจัดการในระบบอีกหลายมิติที่ผู้เกี่ยวข้องต้องร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดัน เพื่อให้ระบบการดูแลผู้สูงอายุที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเป็นระบบที่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุในระยะยาว  ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการพัฒนาเครื่องช่วยฟังที่ผลิตขึ้นในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้