4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

งานวิจัยผลการใช้โปรแกรมเปลี่ยนพฤติกรรมลดน้ำหนักเด็กใต้ ม.ต้น ชี้ชัด “ปรับพฤติกรรม” ส่งผลลดอ้วน โดย “สิ่งแวดล้อม” ตัวแปรสำคัญทำให้พฤติกรรมการกิน - การออกกำลังกาย ดีขึ้น

          “เด็กอ้วนในวันนี้ มีความเสี่ยงเป็นผู้ใหญ่อ้วนในวันหน้า” คำพูดนี้คงไม่ใช่คำขวัญเรื่องเด็กอ้วน หากแต่มีแนวโน้มของความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้  ด้วยเพราะพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตของเด็กยุคนี้ที่แปรตามความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยี  ไม่ว่าจะเป็น เด็กติดกินขนมขบเคี้ยวและอาหารประเภทแป้ง ไขมัน น้ำตาล  มีพฤติกรรมนั่งอยู่กับที่  เล่นมือถือหรือดูทีวีเป็นเวลานาน ไม่ออกกำลังกาย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ความอ้วนมาเยือนเด็กๆ ได้ไม่ยาก  

          “ความอ้วน” ถือเป็นโรคชนิดหนึ่ง และคนอ้วนมักมีอายุสั้นกว่าคนผอม  รวมทั้งพบอัตราการเป็นโรคและอัตราการตายสูงกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ  ความอ้วนสามารถก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง  โรคเบาหวาน  โรคหัวใจขาดเลือด  ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ  โรคปวดข้อ  โรคข้อเข่าเสื่อม  ฯลฯ  จากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน  และทำให้คนที่เป็นโรคอ้วนมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วโลก  ส่วนในประเทศไทยแม้มีการจัดการเพื่อควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กนักเรียนมากกว่า 20 ปีแล้วก็ตาม  แต่สถานการณ์เด็กอ้วนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน  ดังจะเห็นได้จากการสำรวจเมื่อปี 2546  เด็กวัยเรียนมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน ร้อยละ 5.4  ในปี 2552 ร้อยละ 9.7  และในปี 2556 ร้อยละ 16.7  ซึ่งการพัฒนาสุขภาพตามกลุ่มวัยของกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้กลุ่มเด็กวัยเรียนเริ่มอ้วนและอ้วนไม่เกิน ร้อยละ 10

          การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันและจัดการปัญหาภาวะโภชนาการ เกิน ที่เน้นเฉพาะบุคคลอาจสำเร็จได้ยาก  แม้บุคคลจะมีความรู้และตระหนักถึงผลดีของการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและ การออกกำลังกายก็ตาม  เนื่องจากปัจจัยแวดล้อม เช่น ครอบครัว  โรงเรียน  นโยบาย  กฎระเบียบ  และกลไกต่างๆ ในสังคม ไม่เอื้อให้บุคคลมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ได้  ดังนั้นการควบคุมและป้องกันโรคอ้วนต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ  ทั้งในระดับบุคคล  ระหว่างบุคคล  ระดับองค์กร  ชุมชน  และระดับนโยบายสาธารณะ  โดยควรป้องกันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อไม่ให้เป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรงและรักษายากในอนาคต

ปัจจัยแวดล้อมในโรงเรียนที่เอื้อให้เกิดการปรับพฤติกรรมการลดน้ำหนักของนัก เรียน  เช่น  จัดพื้นที่สนามกีฬา/พื้นที่ใช้ออกกำลังกาย  จัดหาอุปกรณ์กีฬาเพื่อสนับสนุนการออกกำลังกาย  จัดกิจกรรมกีฬาประจำปีอย่างต่อเนื่อง  ส่งเสริมให้ใช้การเดินเมื่อเปลี่ยนวิชาเรียนแทนการขึ้นลิฟต์  ส่งเสริมให้มีการจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ  ส่งเสริมการตรวจสุขภาพประจำปี  จัดให้มีศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพในโรงเรียน ฯลฯ

          ดังนั้น  สวรส.จึงได้สนับสนุนให้เกิดงานศึกษาวิจัยผลการใช้โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อการลดน้ำหนักของเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ภายใต้โครงการสร้างนักวิจัยหน้าใหม่เขตสุขภาพ  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานพัฒนาบุคลากรด้านวิจัยนโยบายและระบบสุขภาพ   ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวเป็นการดำเนินงานในพื้นที่บนหน้างานจริงของนักวิจัย  ซึ่งข้อมูลองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยสามารถนำมาบูรณาการกับการดำเนินงานพัฒนาสุขภาพกลุ่มเด็กวัยเรียนของเขตสุขภาพที่ 12 ได้อย่างดี

         งานวิจัยชิ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพและน้ำหนักที่ลดลงของเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานก่อนและหลังเข้าโปรแกรม  และศึกษาผลของโปรแกรมด้านต่างๆ ทั้งด้านนโยบายของผู้บริหารโรงเรียน  สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน  อิทธิพลจากเพื่อน/ผู้ปกครอง  ผู้จำหน่ายอาหารในโรงเรียน  หรือระบบบริการสุขภาพ  ซึ่งทีมวิจัยได้สร้างโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ที่อยู่ในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  โดยใช้แนวคิดทฤษฎีทางสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์เป็นหลักคิดในการออกแบบโปรแกรมฯ ตามแบบจำลองเชิงนิเวศของพฤติกรรม (Social ecological Model)  เช่น การกำหนดนโยบาย  การมีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ  การส่งเสริมและสนับสนุนทางสังคม  ฯลฯ  แล้วจึงเก็บข้อมูลตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2557 ถึงกุมภาพันธ์ 2558ซึ่งขณะที่ทำการศึกษาวิจัย กลุ่มเป้าหมายบุคคลก็ได้รับการเรียนรู้และร่วมกำกับตนเองที่จะปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพไปพร้อมกับการศึกษาครั้งนี้ด้วย 

          และผลการศึกษาก็ชี้ชัดว่า โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการลดน้ำหนักของเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีขึ้นและน้ำหนักลดลง  โดยเป็นผลจากการช่วยกันปรับเปลี่ยนและเก็บข้อมูลร่วมกันทั้งครอบครัวและโรงเรียน  ตลอดจนการช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสนับสนุนให้เด็กนักเรียนมีพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกายที่ดีขึ้น

          ทั้งนี้นอกจากงานศึกษาวิจัยชิ้นนี้จะสามารถสร้างนักวิจัยหน้าใหม่ที่มีทักษะความรู้ในการพัฒนางานวิจัยด้านนโยบายและระบบสุขภาพที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาสำคัญและเชื่อมโยงกับการพัฒนาระบบสุขภาพในภาพรวมได้แล้ว  งานวิจัยนี้ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ใช้โดยนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานของหน่วยบริการสุขภาพเขตเมือง ของเขตสุขภาพที่ 12  และนำไปบูรณาการกับยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุขด้านการพัฒนาสุขภาพกลุ่มเด็กวัยเรียนร่วมด้วย 

ข้อมูลหลักจากงานวิจัย : โครงการผลการใช้โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อการลดน้ำหนักของเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
(The Effects of Health Behavioral Adaptation Program on Weight Loss among Overweigh Secondary School Students in Hat Yai District, Songkhla Province)  สนับสนุนโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้