ข่าว/ความเคลื่อนไหว
ปัจจุบันสังคมไทยมีภัยคุกคามที่เป็นวิกฤตมากมายจนเกิดเป็นคำถามมากมาย เช่น การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเราพร้อมรับมืออย่างไร ผู้สูงอายุจะดูแลตนเองได้อย่างไร หรือสมุนไพรไทย ซึ่งมีสรรพคุณมากมายจะผลักดันสู่การเป็นยาใหม่ได้อย่างไร แม้กระทั่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อพรมแดนเปิดกว้างเรามีความพร้อมกันแล้วหรือยัง ฯลฯ
ดังนั้น แนวคิดในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย โดยกำหนดโครงการที่มีความท้าทาย มีการบริหารจัดการชุดโครงการที่ดี และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก โดยการท้าทายให้วงการวิจัยไทยแก้ไขปัญหาหรือตั้งโจทย์ที่สำคัญ จะส่งผลให้นักวิจัยเกิดความต้องการจะแก้ไขปัญหาที่ยากต่อการแก้ปัญหาเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยลำพัง
“โครงการท้าทายไทย” (Grand Challenges Thailand) จึงเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลชุดนี้ ในการสนับสนุนให้เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ร่วมกันเป็นหัวเรือหลักในการตั้งโจทย์ระดับชาติเพื่อการแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ที่ปิดกั้นโอกาสการพัฒนาของประเทศ...
โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมานี้ ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพมหานคร ได้มีการแถลงข่าวการเตรียมผลักดัน “โครงการท้าทายไทย” ขึ้น โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวฯ พร้อมด้วย ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ศ.ปีเตอร์ ซิงเกอร์ ผอ.โครงการ Grand Challenges ประเทศแคนาดา ทั้งนี้ นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และผู้แทนจากเครือข่าย คอบช. มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
“ลักษณะของโครงการฯ จะมุ่งใน 3 ด้านหลักๆ คือ 1.ตั้งโจทย์ที่เป็นปัญหาสำคัญ มีอุปสรรค ฉะนั้นเราจะต้องมองเป้าของปัญหาให้ชัดเพื่อวางแนวทางแก้ไข เช่น การร่วมกำหนดหัวข้อเพื่อสร้างงานวิจัยที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา 2.ผนึกเครือข่ายประชาคมวิจัย ในการทำงานให้ได้ เป็นการท้าทายให้เกิดงานวิจัยแบบบูรณาการสหสาขาวิชา ซึ่งจะมาเป็นกลไกการขับเคลื่อนสำคัญ 3.ผลงานไม่ได้ออกมาเพียงรูปแบบของงานวิจัยและพัฒนาเท่านั้น แต่ต้องมีแรงผลักที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ เป็นต้น เรามีต้นแบบอย่าง อเมริกา แคนนาดา แอฟริกาใต้ ที่บุกเบิกรูปแบบโครงการลักษณะนี้ไว้แล้ว การที่ประเทศไทยเดินหน้าโครงการดังกล่าว ถือเป็นผู้นำร่องในภูมิภาค” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมา โครงการท้าทายไทย ได้มีการร่วมระดมสมอง “แนวคิดโจทย์และเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย และมีการเสนอโจทย์วิจัยในเบื้องต้น จำแนกเป็นด้านต่างๆ โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้เสนอแนวคิดด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น การป้องกันและควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีอย่างยั่งยืนเพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากพยาธิใบไม้ตับ การตรวจกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งที่สำคัญตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก การพัฒนาการแพทย์เชิงระบบ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีด้านอาหารและการเกษตร เช่น การเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อาหารไทยในเวทีโลก อาหารเพื่อสุขภาพ การปรับตัวของการเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมอาหารต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น ประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตพลังงานชีวภาพ การแก้ปัญหาหมอกควันในภาคเหนืออย่างยั่งยืน การสร้างมูลค่าจากความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านคุณภาพชีวิต เช่น การพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะในช่วง 3 ปีแรก การรองรับสังคมผู้สูงอายุ และด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การสร้างรายได้จากนวัตกรรม การเสริมสร้างธรรมาภิบาล และแก้ปัญหาคอรัปชั่นในการบริหารราชการตามระบบคุณธรรม การพัฒนาบทบาทเศรษฐกิจไทยในประชาคมอาเซียน การพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหัวข้อต่างๆ เป็นเพียงโครงร่างที่รอการพิจารณาอีกครั้ง สำหรับโครงการท้าทายไทย มีกำหนดที่จะเริ่มดีเดย์ปีงบประมาณ 2559 ในวงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้