4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

สวรส. จับมือ ม.รังสิต เร่งขยายโอกาสการศึกษา “วิศวกรรมชีวการแพทย์” ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพและสร้างมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ในระบบสุขภาพ

          จากปัญหาขาดแคลนบุคลากรวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระบบสาธารณสุข รวมทั้งมูลค่าการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ที่ไทยสูญเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้จากข้อมูลสถิติการนำเข้าเครื่องมือแพทย์จากกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเดือน มกราคม - ตุลาคม 2552  มียอดการนำเข้าเครื่องมือประเภทเครื่องตรวจวินิจฉัย 4,510 ล้านบาท  ประเภทเครื่องตรวจวัด (Instruments & Appliances) 8,470 ล้านบาท ฯลฯ และมีอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประมาณร้อยละ 9 ต่อปี  โดยเป็นผลมาจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ ซึ่งคาดการณ์จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2568  และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 33 ของประชากรทั้งประเทศเมื่อถึงปี 2593 รวมทั้งยังมีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยจำนวนปีละกว่า 2 ล้านคน  ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าและบริการทางการแพทย์มากขึ้นตามไปด้วย

          สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดค่ายต้นกล้าวิศวกรรมชีวการเเพทย์ ขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 16 พ.ย. 2557 ณ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะขยายโอกาสและกระตุ้นความสนใจการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมุ่งหวังว่าการจัดค่ายครั้งนี้จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเพิ่มจำนวนบุคลากรในสาขาดังกล่าวเข้าสู่ระบบสุขภาพต่อไปในอนาคต

          ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข  กล่าวว่า  หลายประเทศที่เจริญแล้ว มักปักธงกำหนดให้เรื่องการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นวาระแห่งชาติ  เนื่องจากนวัตกรรมดังกล่าวเป็นหัวใจหลักที่สามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นได้อย่างชัดเจน  และสามารถสร้างมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ทุกช่วงวัยและตลอดชีวิต  สำหรับประเทศไทย สาขาการเรียนด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์อาจเป็นสาขาที่ยังไม่รู้จักกันมากนัก  โดยวิศวกรรมชีวการแพทย์ หรือบางที่เรียกว่า ชีวเวช (biomedical engineering) หรือ วิศวกรรมการแพทย์ (medical engineering)  เป็นสาขาวิชาที่นำเอาความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์  และความรู้ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เพื่อออกแบบ สร้างหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงการศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อน และต้องการขั้นตอนการผลิตที่มีมาตรฐาน และ ประสิทธิภาพสูง  โดยสาขานี้สามารถผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการผลิต ควบคุมคุณภาพ และใช้อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้เกิดประโยชน์กับการรักษาและวินิจฉัยโรคต่างๆ  
“การจัดค่ายต้นกล้าวิศวกรรมชีวการแพทย์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบสุขภาพตั้งแต่ฐานราก โดยเริ่มจากการขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้มีการเพิ่มจำนวนของผู้ที่สนใจในสาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์มากขึ้น  และเชื่อว่าการจัดกิจกรรมค่ายใน 3 วันนี้ จะกระตุ้นความสนใจ เสริมสร้างความรู้และทักษะในกระบวนการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์  ซึ่งจะมีการเรียนรู้ทั้งในส่วนของภาคทฤษฎี และทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง  ตลอดจนกิจกรรมพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องโดยนักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนและชุมชนได้ต่อไป” ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าว

          รศ.ดร.มนัส สังวรศิลป์ ที่ปรึกษาและอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ม.รังสิต กล่าวว่า ปัจจุบันสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์กำลังเป็นสาขาที่น่าจับตามอง และเป็นที่ต้องการของตลาดงานทั้งภาครัฐและเอกชน  และจากงานวิจัยของ นายสุรินทร์ บำรุงผล เรื่องการคาดการณ์ประมาณกำลังคนและยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคนด้านการผลิตอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ พบว่า การคาดการณ์ประมาณกำลังคนด้านการผลิตอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ในช่วงปี 2554 – 2559 มีความต้องการกำลังคนปีละ 11,770 – 16,261 คน  ซึ่งจำนวนการผลิตบุคลากรจากภาคการศึกษายังไม่เพียงพอต่อความต้องการดังกล่าว  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดความสนใจในสาขาวิชานี้ให้กว้างขวางมากขึ้น  โดยการจัดค่ายครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวนมาก โดยมีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ รวม 60 คน ทั้งนี้มีนักศึกษาและคณาจารย์จากสาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.รังสิต ร่วมเป็นพี่เลี้ยงในการให้ความรู้และทักษะต่างๆ อย่างใกล้ชิดตลอดสามวันของการจัดค่ายดังกล่าว

          ด้าน รศ.ดร.ชูชาติ ปิณฑวิรุจน์ เลขาธิการสมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย และอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า 80% ของการเรียนการสอนในสาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์จะเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อการรักษาและวินิจฉัยโรค  ซึ่งในระบบสุขภาพจำเป็นมากที่จะต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการรักษาและวินิจฉัยโรคที่มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน และเกิดความคุ้มค่าในการใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ในการวินิจฉัยโรค เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างภาพอวัยวะ (CT Scan / X-Ray / MRI)  อุปกรณ์ในการประมวลผลสัญญาณทางการแพทย์ เช่น การทำงานของคลื่นหัวใจ สมอง ตา  อุปกรณ์การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายต่างๆ เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องการเดิน การเคลื่อนไหวของร่างกาย เครื่องช่วยฟัง ระบบป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ  อวัยวะเทียม เช่น หัวใจเทียม  ไตเทียม  ตับเทียม  ข้อเข่าเทียม  กระดูกเทียม  ทั้งหมดล้วนเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ทั้งสิ้น  ซึ่งแต่ละอุปกรณ์ต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น การพัฒนาอุปกรณ์บางอย่างให้สามารถเชื่อมโยงการทำงานกับสมาร์ทโฟน ได้อย่างสะดวก อาทิ ปัจจุบันสามารถทำอัลตราซาวน์แล้วส่งภาพไปยังสมาร์ทโฟนได้ เป็นต้น

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้