(เปิดรับข้อเสนอ 17 ก.พ. - 30 เม.ย. 68)
1. หลักการและเหตุผล
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ด้านระบบสุขภาพที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาด้านระบบสุขภาพในเชิงระบบได้อย่างครอบคลุม และสามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้ทันต่อบริบทและสถานการณ์ รวมถึงความท้าทายในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อปัญหาสุขภาพของประชากรไทยอย่างรวดเร็ว ผันผวน และซับซ้อนมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ขอบเขตการวิจัยที่มุ่งเน้นการยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศให้พร้อมรับโรคระบาดระดับชาติโรคอุบัติใหม่ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างความสามารถและยกระดับการให้บริการจีโนมิกส์และการแพทย์แม่นยำเพื่อให้เกิดบริการการรักษาที่มีความแม่นยำสูง โดยมีความเชื่อมโยงกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) การวิจัยที่สนับสนุนนโยบายสาธารณะ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวนโยบายด้านสุขภาพที่เหมาะสม การสร้างแนวปฏิบัติที่ดี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ การป้องกันการเกิดโรค และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในทุกช่วงวัยของประชากร เพื่อให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
2. วัตถุประสงค์
2.1 สนับสนุนการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อมุ่งเน้นการยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศให้สามารถลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) และรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/โรคอุบัติใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ครอบคลุมการพัฒนาระบบบริการเพื่อยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพ การพัฒนาระบบสุขภาพในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและภัยสุขภาพ และการพัฒนาความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
2.2 สนับสนุนการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันภายใต้แผนงานวิจัย จีโนมิกส์ประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างความสามารถและยกระดับการให้บริการจีโนมิกส์และการแพทย์แม่นยำเพื่อให้เกิดบริการการรักษาที่มีความแม่นยำสูง
3. ขอบเขตการดำเนินงาน
สวรส. ประกาศรับข้อเสนอโครงการวิจัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ภายใต้ 4 แผนงาน ได้แก่ 1) แผนงานพัฒนาระบบบริการเพื่อยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพ 2) แผนงานพัฒนาระบบสุขภาพในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและภัยสุขภาพ 3) แผนงานพัฒนาความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ และ 4) แผนงานสร้างความสามารถและยกระดับการให้บริการจีโนมิกส์ และการแพทย์แม่นยำเพื่อให้เกิดบริการการรักษาที่มีความแม่นยำสูง โดยมีความเชื่อมโยงกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก และกรอบการวิจัย ในแต่ละแผนงานวิจัยของ สวรส. ดังนี้
แผนด้าน ววน. P10 (S2) ยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศให้พร้อมรับโรค
ระบาดระดับชาติและโรคอุบัติใหม่
แผนงานย่อย
N15 (S2P10) พัฒนาระบบบริการเพื่อยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพ
N16 (S2P10) พัฒนาระบบสุขภาพในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและภัยสุขภาพ
N17 (S2P10) พัฒนาความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
หมายเหตุ S=ยุทธศาสตร์, P=แผน, N=แผนงานย่อย (Non flagship)
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก (Objectives and key results: OKRs)
Objective ยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศให้สามารถลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) และรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/โรคอุบัติใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
Key result
KR1 จำนวนระบบสุขภาพแบบบูรณาการระดับประเทศและ/หรือพื้นที่ (Integrated Health Services: IHS) ที่ใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมเชิงระบบ และนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งแสดงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) ได้แก่ 1) โรคติดเชื้อ 2) โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 3) การบาดเจ็บ และการรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/ โรคอุบัติใหม่
KR2 จำนวนกลุ่มเครือข่ายความร่วมมือ (Consortium) ที่ประกอบด้วยเครือข่ายสถาบัน/ศูนย์วิจัยในสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งกระจายในทุกภูมิภาค และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคระบาดระดับชาติ/โรคอุบัติใหม่ และภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) ที่แสดงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการช่วยเหลือ/สนับสนุนประเทศและ/หรือพื้นที่ให้สามารถรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/โรคอุบัติใหม่ และลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ โดยใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมเชิงระบบ และนวัตกรรมสมัยใหม่ เพิ่มขึ้น
KR3 จำนวนเทคโนโลยี นวัตกรรมเชิงระบบและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ถูกนำไปใช้และเกิดผลสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/ โรคอุบัติใหม่ และการลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ
KR4 จำนวนนโยบายและมาตรการที่ได้ประกาศใช้ ในระดับประเทศและ/หรือพื้นที่ ซึ่งพัฒนาโดยใช้การวิจัย และแสดงผลสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/ โรคอุบัติใหม่ และลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) เพิ่มขึ้น
KR5 จำนวนประชาชนที่ได้รับบริการจากระบบสุขภาพแบบบูรณาการระดับประเทศ และ/หรือ พื้นที่ ที่เพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ในการรับมือกับโรคระบาดระดับชาติ/ โรคอุบัติใหม่ และลดภาระโรคที่สำคัญของประเทศ (National Burden of Disease: BOD) โดยใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมเชิงระบบ และนวัตกรรมสมัยใหม่
3.1 กรอบการวิจัยแผนงานพัฒนาระบบบริการเพื่อยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพ
แผนงานวิจัย | กรอบการวิจัย/ประเด็นวิจัย |
3.1.1 การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการสุขภาพด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ | 1. การวิจัยพัฒนาวัสดุอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่เป็นความต้องการของประเทศ มีมูลค่าการนำเข้าสูง มีปริมาณการใช้จำนวนมาก โดยมุ่งเน้นระยะการวิจัย (Phase) ที่ต่อยอดการพัฒนาต้นแบบหรือขยายผลการใช้งานเพื่อประเมินประสิทธิภาพ ความปลอดภัย หรือการนำไปใช้จริง (Pragmatic use) สามารถขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อนำไปใช้งานในระบบ หรือเชิงพาณิชย์ 2. การพัฒนา Platform เทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการตอบสนองและแก้ไขปัญหา เพื่อเพิ่มโอกาสการได้รับบริการทางการแพทย์และสุขภาพได้ทั่วถึง 3. การวิจัยเพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าความคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์เพื่อให้เกิดเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ในระบบบริการ 4. การวิจัยเพื่อขอขึ้นทะเบียนขออนุมัติสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) FDA registration 5. การขยายผลเทคโนโลยี 6. การทำระบบทะเบียนมาตรฐาน (Registry) ของโรคสำคัญต่างๆ เพื่อเกิดระบบการบูรณาการ การบริหารจัดการ และการวางแผนงานระบบบริการในการรักษาให้เกิดประสิทธิภาพ 7. การศึกษาระบาดวิทยา เพื่อการป้องกันและการดูแลผู้ป่วย โดยการบูรณาการข้อมูลจนนำไปสู่ Big data ของระบบเฝ้าระวังโรค 8. การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนวิธีการรักษาหรือแนวเวชปฏิบัติให้เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการตรวจ และการดูแล ส่งเสริมประสิทธิภาพระบบบริการสุขภาพ |
3.1.2 การวิจัยโรคติดเชื้อและเชื้อดื้อยา | 1. การวิจัยพัฒนาระบบเฝ้าระวังในสถานพยาบาล สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และชุมชน ส่งเสริม ป้องกันการระบาดโรคติดเชื้อ โรคติดเชื้อดื้อยา 2. วิจัยพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบเฝ้าระวังฯ 3. วิจัยพัฒนาเพื่อสร้างสมรรถนะระบบสาธารณสุขไทยต่อการเฝ้าระวัง ส่งเสริม ป้องกัน เตรียมการเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดโรคติดเชื้อ และโรคติดเชื้อดื้อยา 4. วิจัยประเมินนโยบาย และสถานการณ์ระบบบริการโรควัณโรค พัฒนาข้อเสนอนโยบาย และนวัตกรรมเขิงสังคม ที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมทั้งจากภาครัฐ เอกชน และองค์กรภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนการยุติวัณโรค โดยมีเงื่อนไขสำคัญที่นักวิจัยต้องทำงานร่วมกับองค์กรผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชน ผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย งานวิจัยที่เป็นวิจัยและพัฒนาต้องทำในพื้นที่ทดลองจริง สร้างการเรียนรู้กับผู้มีส่วนได้เสีย |
3.1.3 การวิจัยและพัฒนาระบบยา | 1. การอภิบาลระบบยา: พัฒนากลไกการเข้าถึงยาราคาแพง การจัดการข้อมูลสิทธิบัตร/ทรัพย์สินทางปัญญา, Pharmaco-politics กับระบบยา 2. ปฏิบัติการเกี่ยวกับยา & Transforming health service delivery : การจัดบริการสุขภาพในระดับ Self-care/self-medicine งานชุมชน ปฐมภูมิ โรงพยาบาล Intermediate care ให้กลุ่มประชากรกลุ่มเป้าหมาย การใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี การจัดการห่วงโซ่อุปทาน 3. บทบาทของภาคประชาสังคม ในกระบวนการนโยบายด้านยา: บทบาทภาคประชาสังคมในกระบวนการนโยบายด้านยา ติดตามเฝ้าระวัง, การเข้าถึงยาจำเป็น, การใช้ยาอย่างสมเหตุผล การจัดการปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ 4. ระบบยาในภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินด้านสาธารณสุข: วิเคราะห์นโยบายและการปฏิบัติที่ผ่านมาถอดบทเรียน ประเมินผลลัพธ์/ผลกระทบ เตรียมการรองรับภัยพิบัติ และสถานการณ์ฉุกเฉิน ในอนาคต 5. การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศเพื่อการพึ่งพาตนเองด้านยา: การพัฒนาระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรม 1st generic, สมุนไพร, กำลังคน, Biosimilar, Advanced therapy medicinal products (ATMPs) |
3.2 กรอบการวิจัยแผนงานพัฒนาระบบสุขภาพในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและภัยสุขภาพ
แผนงานวิจัย | กรอบการวิจัย/ประเด็นวิจัย |
3.2.1 แผนงานวิจัยพัฒนาระบบสุขภาพในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและภัยสุขภาพ |
การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ (Primary care) การพัฒนาความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ (Health Systems Strengthening) |
3.2.2 แผนงานการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยการกระจายอำนาจด้านสุขภาพ: การถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ. |
1. การออกแบบระบบการรายงาน/ส่งข้อมูลสุขภาพภายใต้บริบทสุขภาพที่มีการกระจายอำนาจของหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิไปยัง อปท. เพื่อให้มีข้อมูลสุขภาพและสารสนเทศทางสุขภาพที่จำเป็นต่อการติดตามสถานะทางสุขภาพของประชาชน ตลอดจนมีสถิติที่จำเป็นด้านบริการสุขภาพและสาธารณสุขที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ครอบคลุมและทันกาล สำหรับการวางแผนสุขภาพระดับประเทศ และระดับพื้นที่ 2. การทบทวนและปรับปรุงแนวทางการดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคระบาด รวมถึงกฎหมายต่างๆ ระบบการรายงานและฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการสาธารณสุขที่มีความหลากหลายตามบริบทของการกระจายอำนาจในระดับพื้นที่ต่างๆ ที่มีทั้ง สสจ. อบจ. อบต. เทศบาล เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการระดับพื้นที่ ซึ่งจะมีทั้งจังหวัดที่มีการถ่ายโอน รพ.สต. ไปทั้งหมด บางจังหวัดและอำเภอมีการถ่ายโอน รพ.สต.ไปบางส่วน และมีจังหวัดที่ยังไม่มีการถ่ายโอน รพ.สต. 3. การทบทวนสถานะทางสุขภาพ และการหามาตรการในการยกระดับสุขภาพของประชาชนในภาพรวมของประเทศ และเรื่องที่มีความต้องการทางสุขภาพเฉพาะของแต่ละพื้นที่ ที่มีความหลากหลายตามบริบทของการกระจายอำนาจ 4. การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการจัดการเชิงระบบสำหรับบริการปฐมภูมิที่มีประสิทธิผล เพื่อจัดการความสัมพันธ์ บริหารทรัพยากร สนับสนุนทางวิชาการ และดำเนินการจัดบริการร่วมกันในพื้นที่ ซึ่งอาจมีความหลากหลายไปตามบริบทของพื้นที่ที่แตกต่างกัน 5. การวิจัยและพัฒนาแนวทางการจัดการด้านยาของ รพ.สต. เพื่อให้มั่นใจถึงการใช้ยาที่เหมาะสม (RDU) รวมถึงการดำเนินการร่วมกันระหว่าง อบจ.กับ สสจ. การอบรมให้ความรู้ และระบบกำกับติดตาม RDU 6. การวิจัยและพัฒนาการกำกับดูแล (Stewardship) ระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงภายใต้การกระจายอำนาจในปัจจุบัน เพื่อยกระดับสุขภาพของประชาชน และเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุภัยพิบัติทางสุขภาพในอนาคต 7. การทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการถ่ายโอน รพ.สต. จาก กสธ. ไปยัง อบจ. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มีความพร้อมในการถ่ายโอนให้เกิดความต่อเนื่องต่อการดำเนินการ และเกิดผลกระทบเชิงลบต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิและงานด้านสาธารณสุขในระยะเปลี่ยนผ่านน้อยที่สุด เช่น ความพร้อมด้านการบริหารบุคลากรสาธารณสุข, ความพร้อมของ กสพ. ในการทบทวนผลการดำเนินการและวางแผนสุขภาพร่วมกันในพื้นที่, ความพร้อมในการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิร่วมกันระหว่างเครือข่าย รพ.สต.ในสังกัด อบจ. และเครือข่ายหน่วยบริการในสังกัด สป. |
3.3 กรอบการวิจัยแผนงานพัฒนาความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
แผนงานวิจัย | กรอบการวิจัย/ประเด็นวิจัย |
3.3.1 แผนงานการวิจัยเพื่อสร้างความเป็นธรรมด้านสุขภาพ | 1. การวิจัยเพื่อประเมินทางเศรษฐศาสตร์ ความเป็นไปได้ในการจัดบริการ และผลกระทบด้านงบประมาณที่เป็นเทคโนโลยี และหรือมาตรการบริการสุขภาพเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2. การวิจัยประเมินความครอบคลุมการเข้าถึงบริการที่เป็นสิทธิประโยชน์ ทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพ พร้อมกับข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงนโยบาย มาตรการ หรืออาจรวมถึงการมีนโยบายจำเพาะที่สนับสนุนให้ประชากรเปราะบางบางกลุ่มได้เข้าถึงบริการตามความต้องการได้มากขึ้น 3. การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบบริการแบบเน้นคุณค่า (Value-based health care system) และการจ่ายเงินค่าบริการแบบเน้นคุณค่า (value-based healthcare payment) ประกอบด้วย 3.1 การพัฒนาระบบให้เกิดระบบบูรณาการ ผลลัพธ์จากการพัฒนาประกอบด้วย ผู้รับบริการมีผลลัพธ์ทางสุขภาพดีขึ้น มีประสบการณ์รับบริการที่ดีขึ้น สามารถประหยัดต้นทุนบริการสุขภาพเทียบกับการจัดบริการแบบเดิม มีระบบข้อมูลที่เป็นรายบุคคลที่สนับสนุนการวิเคราะห์ผลลัพธ์การให้บริการและต้นทุนบริการ และมีข้อเสนอที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติต่อกองทุนประกันสุขภาพต่อการปรับเปลี่ยนระบบการจ่ายชดเชยจากกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐ 3.2 การประเมินเทคโนโลยี มาตรการ ที่ปัจจุบันมีการให้บริการและมีความหลากหลายและมีการให้บริการในปริมาณมาก เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจในระดับนโยบาย และหรือวิชาชีพต่อการหยุดให้บริการเทคโนโลยี มาตรการ ที่ไม่มีความคุ้มค่า 3.3 การวิจัยในประเด็นด้านกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อระบบการจ่ายชดเชยบริการสุขภาพจากกองทุนประกันสุขภาพ และระบบการบริหารค่าตอบแทนแก่บุคลากรสุขภาพภาครัฐ เพื่อพัฒนาข้อเสนอปรับปรุง แก้ไขประเด็นสำคัญด้านกฎหมาย ระเบียบที่จะไปสนับสนุนการจัดบริการสุขภาพแบบเน้นคุณค่า 4. การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงต่อสถานการณ์เปราะบางด้านสุขภาพ ประกอบด้วย 4.1 ระบบบริการสุขภาพที่เป็นบริการระยะยาว (long term care) การวิจัยประกอบด้วยการประเมินสถานการณ์ระบบปัจจุบัน การสังเคราะห์ให้เห็นโอกาสทางนโยบาย กฎหมาย มาตรการ เพื่อการปรับปรุงระบบบริการ การนำนวัตกรรมใหม่มาสนับสนุน ความเป็นไปได้ของการมีทางเลือกใหม่ของระบบการเงินการคลังที่องค์กรเอกชนมีส่วนร่วม ระบบการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง โครงสร้างกลไกการอภิบาลครอบคลุมถึงการพัฒนาและควบคุมคุณภาพในระดับนโยบายไปจนถึงระดับชุมชน 4.2 บริการสุขภาพจิตในระดับชุมชนที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายร่วมกับสถานพยาบาล การวิจัยต้องวิเคราะห์เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเครื่องมือทางนโยบายและสถานการณ์การจัดบริการในปัจจุบัน เสนอแนวทางการพัฒนาและทางเลือกระบบบริการทั้งส่วนส่งเสริม ป้องกัน รักษา และการฟื้นฟู ที่เป็นไปได้ในทางนโยบายและระดับปฏิบัติการ ประเด็นปัจจัยเสี่ยง คือ สารเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า และกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กและเยาวชน 4.3 สิ่งแวดล้อมกับสุขภาพ เพื่อพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนจากผลกระทบที่เกิดจากสารพิษ มลพิษที่เกิดจากการปลดปล่อยจากพื้นที่อุตสาหกรรม โรงงาน สถานประกอบการ เพื่อพัฒนาระบบเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อสุขภาพ ระบบดังกล่าวที่เกิดขึ้นจากการวิจัยต้องเข้าไปสนับสนุนต่อระบบหรือการปฏิบัติการที่มีอยู่ในพื้นที่ วิจัยพัฒนาโดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทางกฎหมาย นโยบาย และกลไกที่มีอยู่ในปัจจุบันขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างบูรณาการ จนได้ข้อเสนอนโยบาย มาตรการ เทคโนโลยี นวัตกรรม หรือเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ 4.4 ความเปราะบางที่เป็นทั้งลักษณะความเปราะบางทางกายภาพ และหรือสถานการณ์ใดๆที่มีผลต่อความเสี่ยงด้านสุขภาพ วิจัยเพื่อพัฒนาข้อเสนอด้านนโยบาย มาตรการใหม่ นวัตกรรมเชิงสังคมที่มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และได้รับการวิจัยพัฒนา และหรือประเมินให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่าด้านเศรษฐศาสตร์ 4.5 ประเมินสถานการณ์ทางนโยบายและระบบบริการที่จัดบริการโดยประชากรเปราะบาง และการวิจัยพัฒนาระบบบริการประเภทนี้ให้มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ สามารถขยายผลได้มากขึ้น นำไปสู่การพัฒนานโยบายด้านการคลังและการจ่ายค่าบริการที่จูงใจที่พัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการและนำไปสู่ผลลัพธ์บริการ |
3.4 กรอบการวิจัยแผนงานวิจัยจีโนมิกส์ประเทศไทย
นโยบายด้านการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ของประเทศไทยภายใต้ “ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580” ได้กำหนดให้การลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรม และบริการการแพทย์ครบวงจร ซึ่งเป็น 1 ใน 6 อุตสาหกรรมของยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้น ลดต้นทุนการรักษาพยาบาล และยกระดับการ ให้บริการการแพทย์ที่มีคุณภาพในระดับสากล สามารถนำประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเพื่อสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดีและเพิ่มคุณภาพชีวิต
แผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย พ.ศ. 2568-2572 ระยะที่ 2 เป็นการดำเนินงาน ส่วนขยายต่อจากแผนจีโนมิกส์ฯ ระยะที่ 1 ซึ่งจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและใช้ประโยชน์จากข้อมูลจีโนม เพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
โดยมีความเชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ แผน/ แผนงานกองทุน ววน. กับแผนงานวิจัยและกรอบการวิจัยของ สวรส. ดังนี้
แผน ววน. P1 (S1) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านการแพทย์และสุขภาพ ให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืน และเพิ่มรายได้ของประเทศ
แผนงานย่อย N1 (S1P1) สร้างความสามารถและยกระดับการให้บริการจีโนมิกส์และการแพทย์
แม่นยำ เพื่อให้เกิดบริการการรักษาที่มีความแม่นยำสูง
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก (Objectives and key results: OKRs)
Objective O2 ประเทศไทยสามารถยกระดับในการให้บริการจีโนมิกส์และการแพทย์แม่นยำ สามารถให้บริการโดยโรงพยาบาลในประเทศได้อย่างแพร่หลาย โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
Key result KR4 ประเทศไทยมีการให้บริการการแพทย์จีโนมิกส์และการแพทย์แม่นยำ ที่มีคุณภาพเทียบเคียงมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยมีรายละเอียดกรอบวิจัย ดังนี้
แผนงานวิจัย | กรอบการวิจัย/ประเด็นวิจัย |
วิจัยจีโนมิกส์ประเทศไทย | 1. วิจัยมุ่งเป้า 5 กลุ่มโรค เพื่อยกระดับการวิจัยสู่มาตรฐานสากล โดยใช้เทคนิคต่างๆ ในการวิเคราะห์ร่วม เช่น Whole Genome Sequencing (Long-Read sequencing, Short-Read sequencing), Whole Exome Sequencing, Targeted sequencing, RNA sequencing, Epigenetic sequencing, SNP array ฯลฯ 1.1 มะเร็ง
1) ศึกษาปัจจัยทางพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่พบบ่อย เช่น Polygenic risk for common cancer
2) ค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่สำคัญ (ตับอ่อน, ต่อมลูกหมาก, มะเร็งทางเดินอาหาร, อวัยวะภายในสตรี, มะเร็งมากกว่า 2 ชนิด)
3) การกลายพันธุ์ของยีนในชิ้นเนื้อมะเร็ง (มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้และไส้ตรง มะเร็งที่แพร่กระจาย โดยไม่ทราบว่ามีต้นกำเนิดหรือมีแหล่งที่มาจากอวัยวะใด (Cancer unknown primary: CUP)
4) การศึกษาความสัมพันธ์ของยีนและอาการไม่พึงประสงค์จากการรักษาของผู้ป่วยมะเร็งในโรงพยาบาลเครือข่ายมะเร็งแม่นยำ (pre-cart)
|
1.2 โรคหายาก
1) การศึกษาในทารกแรกคลอด (Newborn) ทั้งทารกที่คลอดครบกำหนด และมีสุขภาพดี (healthy term) และทารกที่คลอดก่อนกำหนด (preterm)
2) การพัฒนาแนวทางในการปฏิบัติทางการแพทย์ (Clinical practice guideline) สำหรับกลุ่มโรคที่การวินิจฉัยในระดับยีน (genetic diagnosis) สามารถเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพหรือโรคของบุคคลนั้นได้ ตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนสูงวัย เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการให้คำแนะนำ ดูแล ป้องกัน รักษาและติดตามที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลในระยะยาว
3) การศึกษาเพื่อให้ทราบถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของลำดับสารพันธุกรรมประเภทที่ยังไม่สามารถตีความได้อย่างชัดเจน (VUS : Variants of uncertain significance)
4) การศึกษาเพื่อให้ทราบสาเหตุของผู้ป่วยโรคหายากในโครงการระยะที่ 1 ที่ยังหาสาเหตุไม่พบ
5) การศึกษาเพื่อให้ทราบสาเหตุของผู้ป่วยโรคหายากรายใหม่
|
|
1.3 โรคติดเชื้อ 1) โรคอุบัติใหม่ (ไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโคโรนา เอนเทอโรไวรัส ฯลฯ) 2) โรคติดเชื้อที่พบบ่อย (วัณโรค ไข้เลือดออก เชื้อดื้อยาที่ติดต่อในโรงพยาบาล เชื้อติดต่อทางอาหารและน้ำ เชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์) 3) โรคติดเชื้อที่วินิจฉัยได้ยาก (ไข้ไม่ทราบสาเหตุ, เชื้อที่ไม่สามารถระบุชนิดได้) 4) ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างจีโนมมนุษย์ และจีโนมเชื้อวัณโรค, ไข้เลือดออก, Burkholderia pseudomallei |
|
1.4 โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 1) พัฒนาองค์ความรู้กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นปัญหาสำคัญ หรือมีลักษณะเฉพาะในประชากร โดยใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสานทั้ง genomics และ multi-omics ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กลุ่มประชากรทั่วไป (long term cohorts) กลุ่มชาติพันธุ์เฉพาะ และกลุ่มอายุมากกว่า 100 ปีขึ้นไป 2) พัฒนาระบบการประเมินความเสี่ยงจากการประเมินตำแหน่งการกลายพันธุ์จากหลายยีน (Polygenic risk score) 3) พัฒนาการจัดเก็บข้อมูล phenotypes และข้อมูลด้าน exposure ให้มีความ เข้ากันได้ในแต่ละโครงการ |
|
1.5 เภสัชพันธุศาสตร์ 1) การป้องกันการเกิดภาวะไม่พึงประสงค์จากยา และลดอัตราตายจากโรคสำคัญ ผ่านเครือข่ายวิจัยเภสัชพันธุศาสตร์ Thailand Pharmacogenomics Research Network (TPRN) (ในเขตสุขภาพที่ 9, เขตสุขภาพที่มีความสนใจ, ศูนย์แพทย์ศึกษา 37 แห่ง, การสร้างความร่วมมือกับคณะเภสัชศาสตร์ในภูมิภาค และอาเซียน) 2) พัฒนาแนวทางการใช้ข้อมูลพันธุกรรมเพื่อการเลือกใช้ยาอย่างเหมาะสม (Preemptive Pharmacogenomics) โดยความร่วมมือกับเอกชน 3) พัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อจัดทำรายงานผลเภสัชพันธุศาสตร์สำหรับระบบบริการ และคืนผลข้อมูลให้กับประชาชน 4) พัฒนามาตรฐานข้อมูลเภสัชพันธุศาสตร์สำหรับ EMR/ LIMS/ Pharmacy management system 5) ประเมินเทคโนโลยีในการตรวจทางเภสัชพันธุศาสตร์ที่เหมาะสม สำหรับการตรวจในระบบบริการ |
|
2.วิจัยโดยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลประชากรไทย และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายการวิจัยแบบ consortium ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแบ่งปันทรัพยากร ข้อมูล ความเชี่ยวชาญ และผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูง ครอบคลุมมากขึ้น (mutual benefit) | |
3.วิจัยพัฒนาเพื่อพยากรณ์การเกิดโรค การเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่กระจายของโรค (Prognosis & Disease surveillance) (1) การพัฒนา Polygenic risk scores (PRS) เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรค NCD ที่สำคัญ (2) การเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อ TB, เชื้อดื้อยาหลายขนาน, เชื้อดื้อยา ที่ติดต่อทางทางเดินอาหาร, เชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล (3) การเฝ้าระวังไวรัสหรือจุลชีพที่เกิดจากการกลายพันธุ์ (escape mutants) จากวัคซีนที่สำคัญ |
|
4. วิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในขั้นสูง (Deep science/frontier research) ได้แก่ (1) การพัฒนาวิธีการวิจัยที่ซับซ้อนและละเอียดเพื่อทำความเข้าใจและจัดการกับ โรคที่ซับซ้อน เช่น การวิจัยเชื่อมโยงข้อมูลจีโนม กับ ข้อมูลมิติอื่น เช่น ภาพรังสี ภาพชิ้นเนื้อ การวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) (2) การศึกษากลุ่มโรคมะเร็งที่กลับมาเป็นซ้ำและกลุ่มโรคมะเร็งหายาก มะเร็งเด็ก (Multi-omics) (3) การพัฒนาการวิจัยทางคลินิกสำหรับยีนบำบัด (Gene Therapy) ในโรคธาลัสซีเมีย หรือโรคอื่นที่เกี่ยวข้อง |
|
5. วิจัยเพื่อสนับสนุนเชิงระบบ เช่น การศึกษาวิจัยด้านผลกระทบทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคม ที่เกิดจากการนำข้อมูลพันธุกรรมไปใช้, กฎหมายหรือกฎระเบียบควบคุมดูแลการโฆษณาเกินจริง การเลือกปฏิบัติ เป็นต้น |
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้