รวมรวมแสดงข่าวสารประชาสัมพันธ์ของสถานับที่น่าสนใจ
ที่มาและความสำคัญ: โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทั้งด้านคุณภาพชีวิตของประชาชนและภาระค่าใช้จ่ายของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การป้องกันและชะลอโรคไตในระยะเริ่มต้นจึงมีความสำคัญโดยเฉพาะในระดับบริการปฐมภูมิ อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในระบบปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร งบประมาณและการเข้าถึงบริการสุขภาพในการดูแลโรคไตเรื้อรังของประเทศไทย วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิแบบครบวงจรโดยบูรณาการบทบาทของเภสัชกรร้านยาเครือข่ายภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการป้องกันและชะลอไตเสื่อมในกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย วิธีการศึกษา: การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed method) โดยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) ร่วมกับการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental study) ในกลุ่มตัวอย่างคือผู้รับบริการร้านยาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง จำนวนทั้งสิ้น 1,000 คน การดำเนินการเก็บข้อมูลวิจัยระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบบริการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจรโดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยาภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย โดยใช้รูปแบบการตรวจการคัดกรองการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะด้วยชุดตรวจ Microalbuminuria rapid test (MRT) หากพบผลตรวจเป็นบวกหรือการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะได้รับการตรวจอัตราการกรองของไต (Estimated glomerular filtration rate (eGFR)) และมีค่า eGFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 ซึ่งจะได้รับการส่งต่อการรักษาด้วยโรคไตเรื้อรังที่คลินิกโรคไตเรื้อรังในโรงพยาบาลในเครือข่ายบริการของกลุ่มเป้าหมาย หากผลตรวจเป็นลบหรือไม่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะหรือมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 ซึ่งจะได้รับการแนะนำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเพื่อชะลอไตเสื่อมโดยเภสัชกรร้านยา รวมถึงการติดตามเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนด้วยการให้บริบาลเภสัชกรรมทางไกลและนัดติดตามผล MRT ในเดือนที่ 3 เพื่อดูการทำงานของไตหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 72.0) มีอายุเฉลี่ย 61 ปี (S.D.= 8.5 ปี) ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 24.7 kg/m2 (S.D.=4.0) โดยมีภาวะน้ำหนักเกิน (ร้อยละ 73.0) ส่วนใหญ่อาสาสมัครมีค่าความดันโลหิตอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (ร้อยละ 83) โดยมีค่าอัตราการกรองไตเฉลี่ย 75.1 ml/min/1.73 m2 (S.D.=4.4) ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อโรคไตเรื้อรัง ได้แก่ อายุเกิน 60 ปี (ร้อยละ 38) ความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 24) และเบาหวาน (ร้อยละ 23) โดยไม่มีโรคประจำตัว (ร้อยละ 36) รองลงมาคือเบาหวาน (ร้อยละ 23) และความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 22) มีโรคร่วมไม่เกิน 1 โรค (ร้อยละ 37) และไม่มีโรคร่วม (ร้อยละ 35) ผลการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังจำนวน 1,000 คน พบการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ จำนวน 205 คน (ร้อยละ 20.5) และไม่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะ จำนวน 795 คน (ร้อยละ 79.5) ซึ่งต้องได้รับการแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชะลอไตเสื่อมและติดตามผล MRT ในเดือนที่ 3 ส่วนกรณีที่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะอย่างน้อย 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จำนวน 205 คน จะได้รับการตรวจ eGFR พบว่าอาสาสมัครมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 155 คน (ร้อยละ 75.6) และมีค่า eGFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 50 คน (ร้อยละ 24.4) ส่วนการตรวจครั้งที่ 2 พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะอย่างน้อย 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จำนวน 107 คน จะได้รับการตรวจ eGFR พบว่าอาสาสมัครมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 83 คน (ร้อยละ 77.6) และมี GFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 24 คน (ร้อยละ 22.4) ซึ่งอาสาสมัครที่ได้รับการส่งต่อการรักษาจำนวนทั้งสิ้น 74 คน โดยได้รับการวินิจฉัยด้วยโรคไตเรื้อรังและรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 24 คน (ร้อยละ 32.4) จะเห็นว่าหลังได้รับการแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเพื่อชะลอไตเสื่อมจากเภสัชกรเป็นเวลา 3 เดือน มีผลลดการเกิดการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะจาก 205 คนเป็น 107 คน (ร้อยละ 47.8) ซึ่งการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการจัดการตนเอง ส่งผลให้ค่าอัตราการกรองของไตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในภาพรวมต่อโครงการอยู่ในระดับมาก (คะแนนเฉลี่ย 4.93, S.D.=0.30) ข้อสรุปและอภิปรายผล: การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิโดยเภสัชกรร้านยาเพื่อการคัดกรอง ให้คำปรึกษา ติดตาม และส่งต่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น มีความเป็นไปได้และให้ผลลัพธ์เชิงบวกทั้งในด้านผลลัพธ์ทางคลินิก พฤติกรรมสุขภาพ และความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ซึ่งการเพิ่มบทบาทเภสัชกรร้านยาในการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังมีผลลดการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะและเพิ่มอัตราการกรองของไตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ดังนั้นรูปแบบนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านนโยบาย งบประมาณ และการพัฒนาศักยภาพเภสัชกร เพื่อขยายผลในระดับประเทศอย่างยั่งยืน ข้อเสนอเชิงนโยบายและการนำไปใช้ประโยชน์: จากการสังเคราะห์ข้อเสนอแนะจากเภสัชกรที่ร่วมในโครงการจำนวน 10 ร้านยา และตัวแทนสภาเภสัชกรรม ได้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ การส่งเสริมบทบาทร้านยาในการเป็นจุดให้บริการสุขภาพเชิงรุกในการคัดกรอง ป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและนโยบายการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง การพัฒนารูปแบบการคัดกรองและติดตามผู้ป่วย ให้สามารถปรับใช้ได้ในระดับชุมชนโดยเน้นการบูรณาการร่วมกับเภสัชกรและทีมสหวิชาชีพ โดยใช้การมีส่วนร่วมของชุมชน การสนับสนุนระบบข้อมูลสารสนเทศและการติดตามผล เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการดูแลต่อเนื่อง การติดตามผลลัพธ์ทางคลินิกและขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ และการเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทเภสัชกรชะลอการเกิดโรคไตเรื้อรังครบวงจรในร้านยาต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้