รวมรวมแสดงข่าวสารประชาสัมพันธ์ของสถานับที่น่าสนใจ
การติดตามสถานการณ์ด้านระบบข้อมูลสุขภาพ และการออกแบบการจัดการระบบข้อมูลสุขภาพที่เหมาะสม ภายใต้การถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นการศึกษาติดตามผลของการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งเป็น 2 ปีแรกของการถ่ายโอนภารกิจ ที่อาจจะกระทบต่อระบบข้อมูลสุขภาพ โดยเฉพาะในส่วนของ รพ.สต. ที่มีการถ่ายโอนไปยัง อบจ. โดยศึกษาจากข้อมูลบริการสุขภาพ ได้แก่ ข้อมูลการให้บริการผู้ป่วยนอก และข้อมูลการให้บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ที่ส่งเข้าสู่ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ (Health data center) และศึกษาการดำเนินงานด้านข้อมูลบริการสุขภาพ รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อข้อมูลบริการสุขภาพ โดยการศึกษาเชิงคุณภาพในพื้นที่ 6 จังหวัด ที่มีสัดส่วนของ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. ที่แตกต่างกัน และศึกษาสถานการณ์ข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่ส่งจาก รพ.สต. ภายหลังการถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ. ผลของการศึกษาพบว่า การส่งข้อมูลบริการสุขภาพ ส่วนใหญ่ยังดำเนินการตามเดิม จากข้อมูลผู้ป่วยนอกพบว่า รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. ส่วนใหญ่ (เกินร้อยละ 95) ส่งข้อมูลครบทุกเดือน ในปีงบ 2567 และจำนวนเดือนที่ขาดส่งข้อมูลผู้ป่วยนอก สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. ต่ำกว่าร้อยละ 1 ในปีงบ 2567 สถานการณ์ข้อมูลบริการผู้ป่วยนอก หากไม่รวมผู้ป่วยโรคโควิด-19 และรหัสการให้บริการ ซึ่งรวมบริการคัดกรองโรค จะมีจำนวนครั้งผู้ป่วยนอกที่ลดลงเพียงร้อยละ 2.8 ในปีงบ 2566 เทียบกับปีงบ 2565 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2566 และลดลงเพียงร้อยละ 4 ในปีงบ 2567 เทียบกับปีงบ 2566 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2567 อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ป่วยนอก มีแนวโน้มที่ลดลงในบางกลุ่มโรค สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. โดยผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดลง ร้อยละ 9.6 ในปีงบ 2566 เทียบกับปีงบ 2565 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2566 และลดลงร้อยละ 13.9 ในปีงบ 2567 เทียบกับปีงบ 2566 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2567 ซึ่งคล้ายคลึงกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ความครอบคลุมของการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์ ลดลง ร้อยละ 13.5 ในปีงบ 2566 เทียบกับปีงบ 2565 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2566 และลดลงร้อยละ 9.4 ในปีงบ 2567 เทียบกับปีงบ 2566 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2567 ความครอบคลุมของวัคซีนครบตามเกณฑ์ อายุ 1 ปี ลดลง ร้อยละ 7.8 ในปีงบ 2566 เทียบกับปีงบ 2565 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2566 และลดลงร้อยละ 7.2 ในปีงบ 2567 เทียบกับปีงบ 2566 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2567 ความครอบคลุมของการคัดกรองเบาหวาน อายุ 35 ปีขึ้นไป ลดลง ร้อยละ 21.4 ในปีงบ 2566 เทียบกับปีงบ 2565 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2566 และลดลงร้อยละ 31.4 ในปีงบ 2567 เทียบกับปีงบ 2566 สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนในปีงบ 2567 ซึ่งคล้ายคลึงกับการคัดกรองความดันโลหิตสูง และสำหรับข้อมูลเฝ้าระวังโรค ที่ส่งมาจาก รพ.สต. มีแนวโน้มที่ลดลงในปีงบปะมาณ 2567 ซึ่งไม่แตกต่างกัน ระหว่างจังหวัดที่มีร้อยละของการถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ. ที่แตกต่างกัน โดยในภาพรวมมีจำนวนผู้ป่วยที่ส่งจาก รพ.สต. ลดลงร้อยละ 63.4 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเกิดจากการปรับระบบรายงานโรคเป็น D506 (บันทึกออนไลน์) เป็นหลัก โดยระบบดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินงานใน รพ.สต. โดยส่วนใหญ่ปัจจัยที่ส่งผลต่อข้อมูลบริการ ได้แก่ ปัจจัยด้านการให้บริการ และปัจจัยด้านกระบวนการบันทึกและส่งข้อมูล โดยปัจจัยด้านการให้บริการรักษา จะประกอบด้วย รูปแบบการจัดสรรเงิน ที่ส่งผลต่อการสนับสนุนแพทย์/บุคลากร และการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งส่งผลต่อศักยภาพในการให้บริการ โดยในส่วนของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ในกรณีที่โรงพยาบาลส่งแพทย์ไปตรวจที่ รพ.สต. ในบางจังหวัด อาจบันทึกข้อมูลเป็นผลงานของโรงพยาบาล ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ รพ.สต. ลดลงได้ โดยปัจจัยด้านการจัดบริการ น่าจะมีผลต่อข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มากกว่าปัจจัยด้านการบันทึกข้อมูลหรือส่งข้อมูล ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจจากการเบิกจ่ายในระบบหลักประกันสุขภาพ และการติดตามกำกับตามตัวชี้วัดของหน่วยบริหาร ที่เชื่อมโยงกับการประเมินผลงานของ รพ.สต. และบุคลากร ทำให้บริการที่ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นตัวชี้วัด หรือไม่ได้รับการกำกับติดตามโดยเฉพาะบริการคัดกรองโรคเรื้อรังที่มีปริมาณงานมาก มีผลงานที่ลดลง และบางส่วนอาจเกิดจากความเข้าใจของบุคลากรในการบันทึกข้อมูลและส่งข้อมูล รวมทั้งการบันทึกข้อมูลและส่งข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เช่นในกรณีของบริการวัคซีนในบาง รพ.สต. ทั้งนี้ระบบสนับสนุนด้านข้อมูล กลไกการใช้ข้อมูลของฝ่ายบริหาร รวมทั้งนโยบายและข้อตกลงในการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินงานด้านข้อมูลยังคงมีประสิทธิภาพการออกแบบและพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพปฐมภูมิ ประกอบด้วย การพัฒนาฐานข้อมูลและระบบแสดงผลข้อมูลทรัพยากรและมาตรฐานบริการสุขภาพปฐมภูมิ ข้อมูลบริการสุขภาพปฐมภูมิ ข้อมูลเฝ้าระวังโรคและการบาดเจ็บ ข้อมูลสถานะสุขภาพ ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ และการบูรณาการระบบแสดงผลข้อมูลเพื่อสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ รวมทั้งการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านบริการรักษา และด้านบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ทั้งนี้ข้อเสนอเชิงนโยบาย ประกอบด้วย 1) การพัฒนากลไกสนับสนุนด้านระบบข้อมูลสุขภาพปฐมภูมิในภาพรวม ตาม พรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับ ยุทธศาสตร์ การกำกับติดตาม ประเมินผล และระบบข้อมูล การพัฒนากรอบการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิที่เป็นมาตรฐาน การพัฒนาตัวชี้วัดในการติดตามประเมินผลระบบสุขภาพปฐมภูมิ การพัฒนากลไกการกำกับติดตาม ประเมินผล การพัฒนาข้อตกลงในการดำเนินงานด้านระบบข้อมูลสุขภาพปฐมภูมิ การกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การปรับมาตรฐานบริการสุขภาพปฐมภูมิด้านระบบสารสนเทศ 2) การพัฒนากลไกสนับสนุนด้านระบบข้อมูลสุขภาพปฐมภูมิระดับจังหวัด ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ การกำกับติดตาม ประเมินผล และระบบข้อมูลระดับจังหวัด การพัฒนาตัวชี้วัดร่วม ในการติดตามประเมินผลระบบสุขภาพปฐมภูมิระดับจังหวัด การพัฒนากลไกการกำกับติดตามประเมินผลระบบสุขภาพปฐมภูมิระดับจังหวัด การพัฒนาระบบสนับสนุนการดำเนินงานด้านระบบข้อมูลสุขภาพปฐมภูมิ และ 3) การบริหารจัดการระบบบริการและการเงินการคลังที่สนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ได้แก่ การจัดระบบบริการสุขภาพที่เหมาะสมต่อบริการปฐมภูมิ และการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังสุขภาพที่เหมาะสมต่อบริการปฐมภูมิ
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้