ชั้น 4 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ถ.ติวานนท์ 14 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ขนาดตัวอักษร
-
+
ความตัดกันของสี
C
C
C
icon-lang-thภาษาไทย
ค้นหา
เมนู
จำนวนผู้อ่าน : 51 คน
การเปรียบเทียบต้นทุน-ผลได้และผลกระทบทางงบประมาณของบริการทางเภสัชกรรมเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
นักวิจัย :
ตวงรัตน์ โพธะ , ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ , ปรุฬห์ รุจนธำรงค์ , นภชา สิงห์วีรธรรม , ศรวณีย์ อวนศรี , จงกลณี จงพรชัย , Babar, Zaheer ,
ปีพิมพ์ :
2568
สนับสนุนโดย :
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
วันที่เผยแพร่ :
4 ธันวาคม 2568

วัตถุประสงค์: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สำรวจรูปแบบบริการทางเภสัชกรรมเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล (2) วิเคราะห์ต้นทุน-ผลได้ของบริการทางเภสัชกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เปรียบเทียบกับการจ่ายยาผู้ป่วยนอกแบบเดิม จากมุมมองของโรงพยาบาลและสังคม (3) ประมาณการผลกระทบทางงบประมาณของบริการในระยะ 5 ปี จากมุมมองของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และ (4) จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการจัดบริการทางเภสัชกรรมเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ระเบียบวิธีวิจัย: การศึกษาใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากโรงพยาบาลตติยภูมิสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลลำพูน อุดรธานี สระบุรี พระจอมเกล้าเพชรบุรี ระนอง และกระบี่ ในปีงบประมาณ 2567 ดำเนินการใน 4 ขั้นตอน คือ (1) สำรวจรูปแบบบริการผ่าน Google Forms และทบทวนวรรณกรรม จากฐานข้อมูล ThaiJo ช่วง 10 ปี (2556-2567) (2) วิเคราะห์ต้นทุน-ผลได้ด้วยแบบจำลองแผนภูมิต้นไม้ (decision tree model) โดยคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net present value; NPV) และอัตราส่วนผลได้ต่อต้นทุน (Benefit-cost ratio; BCR) พร้อมวิเคราะห์ความไวแบบทางเดียว (3) ประมาณการผลกระทบทางงบประมาณระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2569-2573) และ (4) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ข้อมูลต้นทุนปรับเป็นมูลค่าปี พ.ศ. 2567 ด้วย Consumer Price Index (CPI) ผลการศึกษา: พบบริการทางเภสัชกรรมเพื่อลดความแออัด 6 รูปแบบหลัก ได้แก่ บริการส่งยาไปรษณีย์ Health Rider รับยาที่ร้านยา (Model 3) Telepharmacy การปรับปรุงกระบวนการด้วย Lean และการใช้เครื่องจัดยาอัตโนมัติ แต่ปริมาณการใช้บริการยังต่ำ (ไม่เกินร้อยละ 3 ของใบสั่งยาผู้ป่วยนอก) จากมุมมองของโรงพยาบาล การรับยาที่ห้องยาผู้ป่วยนอกมีต้นทุนต่อหน่วย 59.33 บาท ขณะที่บริการส่งยาไปรษณีย์และ Health Rider มีต้นทุน 94.64 บาท และ Telepharmacy มีต้นทุน 35.31 บาท ทุกบริการมี NPV ติดลบ (ระหว่าง -85.31 ถึง -20.32 บาท) และ BCR ต่ำกว่า 1 แสดงความไม่คุ้มค่าสำหรับโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของสังคม บริการส่วนใหญ่มี NPV เท่ากับ 0 แสดงความคุ้มทุน เนื่องจากผู้ป่วยประหยัดค่าเดินทาง ค่าจอดรถ และเวลารอคอย การวิเคราะห์ความไวพบว่า หากปรับอัตราชดเชยเป็น 100 บาทต่อครั้ง บริการส่งยาจะมีความคุ้มค่า และหากบรรจุ Telepharmacy เป็นสิทธิประโยชน์ 50 บาทต่อครั้ง จะมีความคุ้มค่าสูง (BCR = 1.10) ผลกระทบทางงบประมาณหากขยายบริการให้ครอบคลุมร้อยละ 20 ของใบสั่งยาผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลตติยภูมิ 35 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2573 จะต้องใช้งบประมาณรวมกว่า 214 ล้านบาทต่อปี และหากปรับอัตราชดเชยเป็น 100 บาทต่อครั้ง จะเพิ่มเป็น 321-428 ล้านบาทต่อปี สรุปผลการศึกษา: บริการทางเภสัชกรรมเพื่อลดความแออัดมีความคุ้มค่าจากมุมมองของสังคม แต่ยังไม่คุ้มค่าสำหรับโรงพยาบาลด้วยอัตราการชดเชยปัจจุบัน ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำคัญ ได้แก่ (1) ปรับอัตราชดเชยจาก 50 เป็น 75-100 บาทต่อครั้ง (2) บรรจุ Telepharmacy เป็นสิทธิประโยชน์ 50 บาทต่อครั้ง (3) กำหนดเป้าหมายที่สมจริง เริ่มจากร้อยละ 10-15 ภายใน 2-3 ปี (4) สนับสนุนการลงทุนระบบเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากร (5) พัฒนาระบบติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยให้บริการมีความยั่งยืนและนำไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพที่เข้าถึงได้ มีคุณภาพ และเป็นธรรมสำหรับประชาชนทุกคน


ลิงก์ต้นฉบับ : https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/6369

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้