งานวิจัยมาใหม่แนะนำ
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ ผลกระทบด้านงบประมาณ และความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของเครื่องมือวินิจฉัยภาวะออทิสซึม ในระยะเริ่มแรกสำหรับเด็กไทย วิธีการศึกษา การประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ จะใช้แบบจำลองแผนภูมิต้นไม้ (decision tree) และแบบจำลองมาร์คอฟ (Markov model) เปรียบเทียบระหว่างการตรวจวินิจฉัยภาวะออทิสซึมด้วยเครื่องมือ Thai Diagnosis Autism Scale (TDAS) และการตรวจวินิจฉัยจากประวัติ อาการแสดงทางคลินิกตามเกณฑ์ DSM-5 ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (การตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน) ในมุมมองทางสังคม ข้อมูลนำเข้าแบบจำลองได้จากการเก็บข้อมูลจากสถานพยาบาล 5 แห่ง คือ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ โรงพยาบาลพะเยา โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย โรงพยาบาลบางพลี ร่วมกับการทบทวนวรรณกรรม วัดผลลัพธ์ในรูปต้นทุนรวมตลอดชีพ ปีสุขภาวะ ทำการปรับลดต้นทุนและผลลัพธ์ด้วยอัตราลดร้อยละ 3 ทำการวิเคราะห์หาอัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม การวิเคราะห์ความไวแบบทางเดียวและการวิเคราะห์ความไวแบบอาศัยความน่าจะเป็น การวิเคราะห์ผลกระทบด้านงบประมาณ อาศัยข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมร่วมกับข้อมูลจากการประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ ทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ที่มีการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือ TDAS และสถานการณ์การตรวจวินิจฉัยที่ไม่ใช้เครื่องมือ TDAS และทำการวิเคราะห์ความไวแบบทางเดียว รายงานผลภาระงบประมาณรายปี ภาระงบประมาณเฉลี่ย และภาระงบประมาณสุทธิ การศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ อาศัยการสัมภาษณ์เชิงลึกทีมแพทย์และพยาบาล ในประเด็นต่าง ๆ เช่น การยอมรับในการใช้เครื่องมือ TDAS ของแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ การนำไปใช้ในทางปฏิบัติ เป็นต้น ผลการศึกษา ผลการวิเคราะห์ต้นทุนอรรถประโยชน์กรณีฐาน พบว่า การตรวจวินิจฉัยด้วย TDAS มีต้นทุนรวมตลอดชีพ 1,511,151 บาท ปีสุขภาวะ 15.55 ปี การตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน มีต้นทุนรวมตลอดชีพ 1,316,203 บาท ปีสุขภาวะ 13.59 ปี ได้อัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม เท่ากับ 99,682 บาทต่อปีสุขภาวะ ซึ่งไม่เกินระดับความเต็มใจที่จะจ่าย 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ จึงจัดว่าการตรวจวินิจฉัยด้วย TDAS เป็นมาตรการที่คุ้มค่า ผลการวิเคราะห์ความไว พบว่า TDAS เป็นมาตรการที่มีโอกาสคุ้มค่าถึงร้อยละ 81.19 ที่ระดับความเต็มใจที่จะจ่ายของประเทศไทย ผลการวิเคราะห์ภาระงบประมาณแสดงให้เห็นว่า การตรวจวินิจฉัยด้วย TDAS จะเพิ่มภาระงบประมาณในส่วนการตรวจวินิจฉัย โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3,817,552 บาทต่อปี แต่มีผลช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะออทิสซึมได้ 6,210,074 บาทต่อปี ทำให้ประหยัดภาระงบประมาณเฉลี่ย 2,392,522 บาทต่อปี ผลการศึกษา ความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ พบว่า TDAS ได้รับการยอมรับจากผู้มีประสบการณ์ในการใช้ว่า เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ มีความถูกต้อง สามารถช่วยให้ผู้ที่ได้รับการสงสัยเป็นภาวะออทิสซึม สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการให้บริการคลินิกผู้ป่วยนอกในปัจจุบันได้ ทั้งในคลินิกพัฒนาการเด็ก คลินิกจิตเวชเด็ก หรือแม้แต่คลินิกทั่วไป โดยสามารถประยุกต์ใช้ได้ในโรงพยาบาลทุกระดับที่มีแพทย์ที่สามารถยืนยันการตรวจวินิจฉัยได้ สรุปผลการศึกษา การตรวจวินิจฉัยภาวะออทิสซึมจัดเป็นมาตรการที่มีความคุ้มทุนเมื่อเทียบกับการตรวจวินิจฉัยในปัจจุบัน ช่วยประหยัดงบประมาณในการรักษาภาวะออทิสซึมได้ และเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากบุคลากรทางการแพทย์เป็นส่วนใหญ่
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้