4th Floor, National Health Building 88/39 Tiwanon 14 Road Taradkwan, Muang District Nonthaburi 11000
Font Size
-
+
color contrast
C
C
C
Search
เมนู

รีเทิร์นออฟ ”๓๐ บาทรักษาทุกโรค”

การกลับมาของนโยบาย “๓๐ บาทรักษาทุกโรค” ที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้ในระหว่างการหาเสียง นับเป็นนโยบายที่แตกต่างจากนโยบายอื่นๆ ที่มุ่ง “แจกแหลกแลกกับความนิยม” เพราะระบุว่าจะเรียกเก็บเงิน “๓๐ บาท” ทุกครั้งที่ประชาชนไปใช้บริการโดยใช้สิทธิบัตรทอง

          การกลับมาของนโยบาย “๓๐ บาทรักษาทุกโรค” ที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้ในระหว่างการหาเสียง นับเป็นนโยบายที่แตกต่างจากนโยบายอื่นๆ ที่มุ่ง “แจกแหลกแลกกับความนิยม” เพราะระบุว่าจะเรียกเก็บเงิน “๓๐ บาท” ทุกครั้งที่ประชาชนไปใช้บริการโดยใช้สิทธิบัตรทอง เพื่อป้องกันการใช้บริการเกินจำเป็น ทั้งๆ ที่การเรียกเก็บเงินร่วมจ่ายนี้ได้ยกเลิกไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ พรรคเพื่อไทยหวังจะให้อะไรกับประชาชนจากนโยบายนี้ เพราะเห็นชัดๆ ว่าประชาชนต้องเสีย (อย่างน้อยก็เงิน ๓๐ บาท) แน่นอน เพื่อแลกกับการที่ระบบโดยรวมมีรายได้เพิ่มขึ้น ๑.๕-๒ พันล้านบาท ตามการคาดประมาณของ สปสช.


          เงินที่ได้เพิ่มขึ้นจากนโยบายดังกล่าวอาจไม่มากเท่าไร (ร้อยละ ๑-๒) เมื่อเทียบกับงบประมาณโดยรวม และคงไม่ทำให้ประเด็นเรื่องปัญหาการขาดแคลนงบประมาณ (ในมุมมองของผู้บริหารสถานพยาบาล) ได้รับการแก้ไขได้ด้วยเงินก้อนนี้ สำหรับการป้องกัน/แก้ไขการใช้บริการเกินความจำเป็นด้วยการเรียกเก็บเงิน ๓๐ บาทนี้ ก็มีข้อกังขาหลายประการ อาทิเช่น

  • มีข้อมูลยืนยันหรือไม่ว่าประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองใช้บริการเกินความจำเป็น ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ประกันสุขภาพมักระบุว่า หากประชาชนได้รับการคุ้มครองด้วยระบบประกันสุขภาพแล้ว จะมีการใช้บริการเกินจำเป็นหรือเกิด moral hazard เพราะอุปสรรคทางการเงินหมดไป หากวิเคราะห์ข้อมูลการใช้บริการจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จะพบว่าการใช้บริการเพิ่มขึ้นมาตลอด จนปัจจุบันมีการใช้บริการผู้ป่วยนอกเฉลี่ยกว่า ๓ ครั้งต่อคนต่อปี แต่ตัวเลขนี้จะใช้ยืนยันว่าเป็นการใช้บริการเกินความจำเป็นได้แล้วหรือ ผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งล่าสุดในปี ๒๕๕๑-๒ ยังพบว่า ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง) จำนวนมากยังไม่ได้รับบริการ
  • หากมีการใช้บริการเกินความจำเป็นจริง เงิน ๓๐ บาทจะช่วยป้องกันได้จริงหรือ ประเด็นนี้จะเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่เรียกเก็บว่า เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิหยุดคิดที่จะไปใช้บริการหรือไม่ เพราะต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น เงิน ๓๐ บาทจะมีความหมายเล็กน้อยสำหรับคนที่มีฐานะปานกลาง แต่อาจมีค่าอย่างมากสำหรับคนยากจนหาเช้ากินค่ำ ประเด็นคือ ใครเป็นคนที่ใช้บริการเกินความจำเป็น หากคนชั้นกลางเป็นคนที่ใช้บริการเกินความจำเป็น เพราะมีความรู้มาก ความคาดหวังสูง การเรียกเก็บเงิน ๓๐ บาทก็ไม่มีน้ำยาอะไรในการป้องกันปัญหาดังกล่าว
  • ประชาชนจะเห็นคุณค่าของบริการที่ได้รับมากขึ้นเพราะต้องจ่ายเงิน นี่เป็นอีกเหตุผลที่มีการกล่าวอ้างกันถึงประโยชน์ของการเรียกเก็บเงิน ๓๐ บาทนี้ ประเด็นนี้ก็มีข้อกังขาหลายประการ เช่น ปัจจุบันประชาชนไม่เห็นคุณค่าของบริการที่ได้รับอยู่หรือ หากไม่เห็นคุณค่าทำไมจึงมีการใช้บริการเพิ่มขึ้น จนเป็นเหตุที่ทำให้ต้องมีการเรียกเก็บเงินเพื่อลดการใช้บริการเกินความจำเป็น ทางออกง่ายๆ ในการทำให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่า (มูลค่าหรือต้นทุน) ของบริการที่ได้รับ อาจทำโดยการแจ้งให้ประชาชนทราบเมื่อเสร็จสิ้นการให้บริการ การเรียกเก็บเงิน ๓๐ บาทยังอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า บริการที่ได้รับมีมูลค่าเพียง ๓๐ บาท
  •  ป้องกันผลกระทบต่อคนจนอย่างไร เดิมผู้มีสิทธิ์บัตรทองจำนวนประมาณกึ่งหนึ่ง ไม่ต้องจ่ายเงิน ๓๐ บาท เพราะเป็นผู้เคยได้รับบัตรสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล (สปร.) อยู่เดิม แต่ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติกลับพบว่า ผู้มีสิทธิ์บัตรทองที่ต้องจ่ายเงิน ๓๐ บาทจำนวนเกือบมากเกือบกึ่งหนึ่งที่เป็นคนยากจน (เนื่องจากปัญหาการออกบัตร สปร. เดิม) แน่นอนว่านโยบายเรียกเก็บ ๓๐ บาทย่อมส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มนี้ รัฐบาลจะป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับคนยากจนกลุ่มนี้อย่างไร


โดยรวมแม้ว่า นักการเมืองจะมีเจตนาดีในการแก้ไขปัญหา ไม่ได้ต้องการจะมีแต่นโยบาย “ลดแลกแจกแถม” แต่อย่างเดียว แต่การพัฒนานโยบายต่างๆ ขึ้นมา อาจจำเป็นต้องมีความเข้าใจกับปัญหาต่างๆ ให้ลึกซึ้งมากขึ้น มิฉะนั้นมาตรการในการแก้ไขปัญหา อาจเป็นตัวสร้างปัญหาเสียเอง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้